เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญสำหรับความร่วมมือบนโลกไอที เมื่อยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Microsoft ได้จับมือกับผู้ให้บริการชั้นนำในประเทศไทยอย่าง True Corporation Plc. ในการผลักดันบริการ cloud ให้เข้าสู่กลุ่มธุรกิจและกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งน่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกหลายๆ อย่างทั้งทางเทคโนโลยีและธุรกิจในประเทศไทย
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา?มร.เควิน เทอร์เนอร์?ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น และผู้บริหารระดับสูง ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง บริษัท ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ?คุณศุภชัย เจียรวนนท์
กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ?คุณอติรุฒม์? โตทวีแสนสุข?กรรมการผู้จัดการสายงานคอนเวอร์เจนซ์ และ กรรมการผู้จัดการกลุ่มลูกค้าธุรกิจ?บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในการผลักดันบริการคลาวด์ หรือ Cloud Services สู่กลุ่มธุรกิจ (B2B) และกลุ่มผู้บริโภค (B2C) ในประเทศไทย
แม้ในการแถลงข่าววันนี้จะเป็นเพียงการลงนามในบันทึกข้อตกลง แต่เร็วๆ นี้เราน่าจะได้เห็นรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการต่างๆ ออกมากอีกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริการต่างๆ นี้จะมีถึง 4 บริการหลักที่รองรับทั้งกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ และบริการที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปโดยตรง ซึ่งทั้ง 2 องค์กรมองว่า cloud service คืออนาคตที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วที่จะตอบโจทย์การขยายตัวทางธุรกิจใหม่ๆ Microsoft เองซึ่งเป็นผู้นำทางด้านแพลตฟอร์มมองว่า True Corporation ที่เป็นผู้นำในตลาดไอทีของไทยจะเป็นพาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้การผลักดัน cloud services ให้ประสบความสำเร็จในประเทศได้เป็นอย่างดี
ความเห็นผู้เขียน: หากมองในภาพรวมของความร่วมมือนี้แล้ว ถือว่าเป็นการจับมือที่เกิดจากการดึงจุดแข็งทางด้านเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ของ Microsoft มาต่อกับความเชี่ยวชาญในตลาดผู้บริโภคและไลฟ์สไตล์ รวมถึงช่องทางและการทำการตลาดในไทยของ True Corporation ได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งแม้จะยังไม่มีการเปิดเผยในรายละเอียดของบริการอย่างชัดเจน แต่คาดว่าดีลนี้คงจะมีการผลักดันอาวุธสำคัญๆ ของ Microsoft และ True อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแพลตฟอร์มการสื่อสาร อินเทอร์เน็ต บริการ non-voice รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งการที่ True เองมีพื้นฐานที่ค่อนข้างครบถ้วนน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Microsoft ตัดสินใจเป็นพาร์ทเนอร์ได้ง่ายขึ้น โดยการที่ มร.เควิน ซึ่งเป็นผู้บริหารหมายเลข 3 ของ Microsoft บินตรงมาลงนามด้วยตัวเองในครั้งนี้ น่าจะแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่ Microsoft ให้กับความร่วมมือในครั้งนี้ และหากมองในฝั่งของ True เอง การได้แรงหนุนจากพาร์ทเนอร์ระดับโลกอย่าง Microsoft น่าจะช่วยให้บริการและสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าในไทยได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
แม้ cloud service จะยังต้องอาศัยเวลาในการให้ความรู้กับกลุ่มลูกค้าและต้องใช้เวลาในการเติบโต แต่ความร่วมมือนี้ก็ถือเป็นสัญญาที่ดีที่เราน่าจะเห็นการพัฒนาของบริการใหม่ๆ ในประเทศไทย ซึ่งนั่นน่าจะช่วยผลักดันให้องค์กรมีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น และในส่วนของผู้บริโภคเองก็น่าจะได้สัมผัสกับบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพมากขึ้นเช่นกัน