หลังจากที่ thumbsup นำเสนอข่าวลือว่า Twitter เตรียมขายโฆษณาในประเทศไทย ในที่สุด “MCFIVA” ก็จูงมือลูกค้าออกมายืนยันผ่านงานแถลงข่าว Twitmedia แล้วว่าทางบริษัทได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนขายโฆษณาให้กับ Twitter อย่างเป็นทางการ พร้อมกับให้รายละเอียดกับเราในแง่มุมของการโฆษณา
ศุภชัย ปาจริยานนท์ กรรมการผู้จัดการแห่ง MCFIVA เผยกับ thumbsup ว่า ทางบริษัทได้รับความไว้วางใจจาก Twitter Inc. ซึ่งเป็นผู้สร้างและดำเนินธุรกิจ Micro-Blogging ชื่อก้องโลก “Twitter” ให้เป็นตัวแทนบริหารสื่อโฆษณาในเมืองไทย โดยศุภชัยกล่าวในรายละเอียดว่า
“Twitter เอาสถิติผู้ใช้ให้เราดูว่าในเมืองไทยมีผู้ใช้งาน Twitter อยู่จำนวนมาก ในระบบ Heatmap (ระบบแสดงภาพที่ระบุถึงความหนาแน่นของผู้ใช้งาน) ถ้าดูตามแผนที่โลก สีแดงหมายถึงมีผู้ใช้หนาแน่น สีเขียวหมายถึงมีผู้ใช้น้อย ตรงตำแหน่งของเมืองไทยจะมีสีแดงมาก ซึ่งหมายถึงบ้านเรามีคนใช้ Twitter จำนวนมาก ถ้าหากว่าคนใช้งานไม่มาก Twitter คงไม่มาบ้านเราแน่นอน”
อย่างไรก็ตามเนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่ Twitter เดินเข้าประเทศไทย ถ้าหากว่าแบรนด์ต่างๆ ที่สนใจโฆษณาผ่าน Twitter จะต้องทำอย่างไรบ้าง ศุภชัยกล่าวลงรายละเอียดว่า
“ในเมืองไทยมีผู้ใช้ Twitter จำนวนมาก และใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือถึง 40% หรือจะบอกว่าผู้ใช้ Twitter เป็นคนรุ่นใหม่ที่มี Mobile lifestyle ติดต่อสื่อสารกับคนอื่นแบบสองทาง และ real-time ก็ว่าได้ ตรงส่วนที่เราอยากจะเน้นก็คือ ปกติเวลาเราคุยเรื่อง Engagement rate สื่ออื่นจะบอกว่าอยู่ที่ 1% แต่ Twitter จะสูงกว่านั้น เฉลี่ยอย่างน้อยอยู่ที่ 1-3% และยิ่งถ้าหากผู้ใช้เสิร์ชหาข้อความที่ต้องการผ่าน Twitter Search แล้ว Engagement rate จะสูงขึ้นเป็น 3-8% ทันที
“เวลาเราคุยกับลูกค้า เราจะบอกว่าโมเดลโฆษณา Twitter จะคิดเป็น 2 แบบคือ? 1. Cost per follower (คิดเงินทุกครั้งที่มีคนมา Follow เพิ่ม) 2. Cost per engagement (คิดเงินทุกครั้งที่มีคนมา Click, กด Favorite, กด Retweet, หรือ reply) โดยเราจะแบ่งรูปแบบของโฆษณาเป็น 3 แบบ…
1. Promoted Tweets ข้อความที่ถูกทวีตโดยลูกค้าจะค้างติดอยู่ด้านบนให้ผู้ใช้เห็นได้เด่นชัด
2. Promoted Trends เทรนด์ที่ลูกค้าใช้แท็กในข้อความโฆษณาของตัวเอง คล้ายๆ กับ #RoyalWedding โดยคุยกับลูกค้าว่าเป็นระยะเวลานานแค่ไหน
3. Promoted Accounts โปรไฟล์ของลูกค้าจะปรากฏตรงส่วน “Who to follow”
โดยลูกค้าที่ลงโฆษณาทั้ง 3 แบบข้างต้นจะได้รับป้าย Verified account ติดอยู่ตรงโปรไฟล์ ยืนยันตัวตนบน Twitter ซึ่งมีส่วนเสริมในเรื่องการสร้างแบรนด์ให้กับลูกค้าเอง และมีระบบ? Analytics วิเคราะห์สถิติต่างๆ หลังบ้านด้วย”
นอกจากนี้ศุภชัยยังได้กล่าวว่า Twitter ค่อนข้างเน้นเรื่อง Engagement การที่ลูกค้ามาลงโฆษณาใน Twitter จะเป็นการ “Turbo-charge” ให้แบรนด์ติดกระแสในโลก Twitter เร็วมากยิ่งขึ้น การโฆษณาใน Twitter จึงไม่เหมือนโฆษณาทั่วไป เพราะ Twitter จะเลือก Match โฆษณาต่างๆ ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเรา ที่ Twitter มีศัพท์เรียกว่า Resonance
“ทาง Twitter ได้แชร์โรดแมปให้เราดูว่าจะพัฒนาไปทางไหน เห็นศักยภาพของตลาดในเมืองไทย เราจึงได้รับความไว้วางใจ ในฐานะที่ MCFIVA เป็น Full service digital agency การทำงานร่วมกับ Media ให้ครบวงจรจึงสอดรับกลยุทธ์ของเรา เหมือนกับที่เราได้เป็น Certified partner ของ Google”
การโฆษณาของ Twitter ยังมีส่วนอื่นๆ ที่น่าจะทำได้อีก อย่างการทำ API Integrations ล่าสุดเราเห็นว่า Twitter มีการร่วมมือกับสื่อกระแสหลักอย่าง ABC ในการรายงานข่าวพิธีเสกสมรส ทาง #RoyalWedding แบบพิเศษด้วย ถ้าใครอยากทำแคมเปญพิเศษก็แจ้งทาง MCFIVA ไปได้เช่นกัน
ปัจจุบัน MCFIVA มีทีมงานหนุ่มสาวรุ่นใหม่ทำงานกันอยู่ 20 คน และกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว พวกเขาจะต้องเริ่มงานที่ท้าทายกับการโฆษณาใหม่จาก Twitter ที่เน้น Engagement มากกว่า “ยัดเยียด” ให้คนดูโฆษณา อันนี้ก็ต้องจับตามองกันต่อไปว่าพวกเขาจะสร้างความแตกต่างให้โฆษณาออนไลน์ในเมืองไทยได้มากน้อยเพียงไร