ภาพจาก latimes.com
Facebook คือโซเชียลเน็ตเวิร์คอันดับหนึ่งที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกในปัจจุบัน และ Facebook Pages หรือชื่อเดิมว่า Fanpage กลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถแพร่กระจายไปยังกลุ่มคนที่ใช้งาน Facebook ได้อย่างง่ายดาย ในช่วงเดือนที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในหน้า Page นั้นมากมาย ซึ่งสิ่งที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะช่วยให้เจ้าของ Page หรือ Admin สามารถรู้ถึงการเข้าถึงและการใช้งานในหน้า Page ได้ดีและสะดวกขึ้น ลองมาดูกันว่าบนหน้า Page นั้นมีอะไรที่เพิ่มขึ้นและเปลี่ยนไปบ้างครับ
ต้องบอกก่อนว่าสิ่งที่เพิ่มขึ้นมา คนทั่วไปที่เข้าไปกด Like ตามหน้าต่างๆ ที่ไม่มีสิทธิ์ Admin จะไม่สามารถเห็นค่าตัวเลขเหล่านี้ได้ นอกจากคนที่ถูกกำหนดสิทธิ์ให้เป็น Admin ของหน้านั้นครับ
ค่าการกระจายข้อมูลจากการโพสต์ (Page Post Metric)
จุดนี้ถือเป็นการเพิ่มเติมและมีประโยชน์อย่างมาก เพราะทาง Facebook มีการจัดตัวเลขสำหรับการวัดผลของการโพสต์บนหน้า Page โดยเจ้าของหรือ Admin ของ Page นั้น โดยตัวเลขนั้นจะอยู่ในตำแหน่งด้านล่างของโพสต์นั้นๆ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ค่าได้แก่ People Reached ซึ่งแสดงจำนวนตัวเลขของคนที่เห็นโพสต์ และเปอร์เซ็นต์ในการเข้าชม
ในส่วนของ People Reached นั้นแยกย่อยออกเป็น 2 ส่วนคือ
- Organic คือจำนวนของคนที่เห็นโพสต์นี้ซึ่งเป็นคนที่กด Like กับหน้าเพจ ไม่ว่าจะทาง News Feeds หรือการเข้ามาดูบนหน้า Page เราตรงๆ จะนับหมด
- Viral คือจำนวนของคนที่เข้ามาดูโพสต์ ซึ่งได้รับการบอกต่อจากคนที่กด Like หรือ Organic นั่นเอง
และเปอร์เซ็นต์ในการเข้าชมนั้นเกิดจากจำนวนของคนที่เห็นโพสต์ ซึ่งเอาค่ามาจาก Organic หารด้วยจำนวนของคนกด Like บนหน้า Page ทั้งหมด จากตัวอย่างเลข 26% ได้มาจาก ค่า Organic 2072 / จำนวนคนกด Like Pages ทั้งหมดคือ 7906 นั่นเอง
โพสต์โปรโมทแบบเสียเงิน (Promote Posts)
ส่วนนี้จะช่วยให้โพสต์ที่คุณเขียนขึ้นไปบนหน้า Page นั้นถูกอ่านมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับการเสียเงิน ซึ่งยิ่งเสียเงินมากยิ่งมีผลต่อจำนวนคนที่เห็นเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย โดยปกติแล้วคนที่จะเห็นโพสต์จะต้องเป็นคนที่กด Like เพื่อติดตามหน้า Page เท่านั้น แต่ถ้าจ่ายเงินเพื่อการโปรโมทโพสต์ คนที่เกี่ยวข้องอย่าง เพื่อนของเพื่อนที่กด Like ก็จะเห็นข้อความโพสต์นี้ขึ้นด้วย โดยจะแสดงอยู่บนหน้า News Feed ระยะเวลาการแสดงข้อความโพสต์อยู่ที่ 3 วันนับตั้งแต่เริ่มการโปรโมท และตำแหน่งของโพสต์ที่ได้ทำการโปรโมทนั้นจะถูกย้ายขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งแรกของหน้า Pages ทันที
ข้อความที่เราจะเลือกโปรโมทนั้นสามารถเลือกได้ย้อนหลังได้ โดยต้องไม่เก่ากว่า 4 วันนับจากวันปัจจุบัน และราคาการโปรโมทอยู่ที่ 170-330 บาท โดยราคาที่ต่างกันจะมีผลต่อปริมาณคนที่จะเห็นข้อความ ซึ่งทาง Facebook ได้คำนวนออกมาคร่าวๆ ในแต่ละอัตราว่าจะมีคนเข้ามาชมโพสต์ไว้ให้แล้ว
การตั้งเวลา Posts (Schedule Posts)
โดยปกติแล้วเราไม่สามารถทำการตั้งเวลาในการโพสต์ข้อความได้ผ่านหน้า Facebook โดยตรง ถ้าหากอยากทำจะต้องทำผ่านแอพพลิเคชั่นอื่นๆ เช่น Hootsuite ซึ่งก็มีข้อจำกัดต่างๆ ที่ทำให้ไม่สามารถใช้งานการโพสต์ด้วยตัวเลือกที่มีบน Facebook ได้อย่างสะดวก ตอนนี้เราสามารถทำได้บนหน้า Pages ได้โดยตรงด้วยการกดที่ปุ่มนาฬิกาซึ่งอยู่มุมล่างขวา โดยเราสามารถกำหนดวันและเวลาในการโพสต์ล่วงหน้าได้ถึง 6 เดือน
นอกจากนั้นแล้วยังสามารถตั้งให้ซ่อนการแสดงผลบนหน้า News Feed จากการตั้งเวลาได้อีกด้วย
ระดับของผู้ดูแล (Admin Level)
ทาง Facebook ได้เพิ่มระดับการจัดการนอกจากการเป็น Admin เพียงอย่างเดียว โดยแตกออกมาเป็น 5 ตำแหน่งโดยไล่ตามลำดับได้แก่ Manager, Content Creator, Moderator, Advertiser และ Insights Analyst โดยคนที่จะสามารถกำหนดตำแหน่งต่างๆ จะต้องอยู่ใน Role Manager เท่านั้น
เราสามารถเข้าไปดูและกำหนด Roles ต่างๆ ได้โดยเข้าที่หน้า Page จากนั้นกดที่ Manage > Setting > Admin Roles
ภาพจาก thenextweb.com
แอพพลิเคชั่น Pages Manager
Facebook ได้ออกแอพพลิเคชั่นที่มีไว้จัดการหน้า Pages โดยเฉพาะ ชื่อว่า Facebook Pages Manager โดยเราสามารถดูข้อมูลและรายละเอียดได้เหมือนการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ใน Admins และดูรายละเอียดการเข้าถึงของแต่ละโพสต์ได้โดยเข้าไปดูผ่านหน้า Insights และแตะที่โพสต์ที่ต้องการ
ตอนนี้ใครที่อยากใช้จะต้อง Download มาติดตั้งด้วยการใช้ US Account เท่านั้นครับ สามารถโหลดมาลองใช้ได้จากที่นี่ครับ?Facebook Pages Manager
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ถูกเพิ่มขึ้นมาใน Facebook Pages สำหรับผู้ดูแลหน้า Pages โดยเฉพาะ ซึ่งข้อมูลที่ทาง Facebook เพิื่มขึ้นมาให้มานั้นถือว่าช่วยให้เจ้าของหน้า Pages สามารถดูตัวเลขและสถิติ และจัดการโพสต์ข้อความต่างๆ บนหน้า Pages ได้อย่้่างสะดวกขึ้น รวมทั้งมีแอพพลิเคชั่นที่ออกมาจัดการหน้า Pages โดยเฉพาะเพื่อป้องกันความสับสนในการใช้งานกับการใช้บัญชีรายชื่อ Facebook ปกติ
ดังนั้นแล้วอย่าลืมที่จะเอาข้อมูลที่ได้เหล่านี้มาวิเคราะห์และไปใช้งาน เพื่อให้สิ่งที่เราต้องการสื่อออกไปเข้าถึงผู้ติดตามและแพร่ขยายไปหากลุ่มคนกลุ่มใหม่ๆ ด้วยนะครับ
ที่มา: Socialmouths, Facebook