อีกหนึ่งโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานกันอย่างแพร่หลายนอกจาก Facebook แล้วก็คงหนีไม่พ้นเจ้านกสีฟ้าอย่าง Twitter ซึ่งปกติแล้วคนส่วนใหญ่จะใชัติดตามข่าวสารหรือเอาไว้ใช้เป็นพื้นที่ส่วนตัวในการบ่นและพูดคุยทั่วไป แต่สำหรับการทำการตลาดหรือแบรนด์ต่าง ๆ Twitter กลายเป็นสิ่งที่ช่วยโปรโมทสินค้าและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้เลยจะแนะนำ 5 เครื่องมือที่จะเอามาช่วยในการดูและติดตามข้อความที่เราทวีตไปเพื่อช่วยมาวิเคราะห์และช่วยทำการตลาดได้
1. ดูจำนวนคนที่ข้อความทวีตว่าไปถึงด้วย Tweetreach
เครื่องมือแรกที่จะแนะนำคือ?Tweetreach?เป็นเครื่องมือสามารถทำให้เราดูได้ว่าข้อความที่เราทวีตออกไปนั้น มีใครพูดถึงบ้างหรือมีเซเลปคนไหนมาทวีตถึง รวมทั้งใครมาทวีตซ้ำ (Retweet) ได้อย่างง่าย ๆ ด้วยการจะค้นหาจากชื่อ Twitter ของเรา, ข้อความที่เราทวีตจะทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง, URL ที่ทวีตออกไป หรือจะเป็น Hashtag เพื่อมาค้นหาข้อมูลรายงานได้?โดยมีสรุปให้ดูเป็นรายงานอย่างคร่าว ๆ บนหน้าเว็บ และสามารถที่จะดึงข้อมูลมาเก็บไว้ในเครื่องของตัวเองได้โดยต้องสมัครสมาชิกกับทางเว็บไซต์เสียก่อน
ถ้าหากอยากจะดูรายงานกันแบบละเอียดอย่างเช่น ข้อมูลของการทวีตซ้ำ 50 ข้อความล่าสุด ก็ต้องเสียเงินให้กับทางเว็บในการสร้างรายงาน แต่ถ้าใช้บริการดูข้อมูลทั่ว ๆ ไปก็ไม่คิดค่าบริการแต่อย่างใด
2. ดูว่ามีประเทศไหนที่ทวีตถึงเราบ้างด้วย TwitterMap
อีก 1 เครื่องมือที่จะช่วยให้เราดูข้อความที่ถูกพูดถึงบน Twitter ได้ แต่ตัวนี้จะให้ความครอบคลุมที่กว้างกว่าเป็นระดับโลก นั่นคือ Twitter Map มีการใช้การอ้างอิงตำแหน่งของผู้ที่ทวีต โดยบนหน้าเว็บไซต์จะเป็นหน้าแสดง?Google Map บอกตำแหน่ง โดยการใช้งานให้เราพิมพ์คำ (keyword) ที่ต้องการ เมื่อเราพิมพ์ไปแล้วก็จะแสดงตำแหน่งตามที่คนนั้นส่งข้อความทวีต ซึ่งสามารถแสดงได้ทั่วโลก และขยายลงรายละเอียดได้ตามคุณสมบัติของ Google Map นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น เราต้องการหาข้อความจาก @club21thailand?เราก็พิมพ์ลงไปที่หน้าเว็บ หน้าเว็บก็จะแสดงผลว่ามีที่ไหนบ้างในมุมโลกที่ทวีดถึง ซึ่งผลที่ได้ตรงนี้จะเหมาะกับการทำตลาดในต่างประเทศ อาจมองในแง่ว่ากลุ่มเป้าหมายที่เราอาจต้องไปทำการตลาดเพิ่มเติมก็เป็นได้
3. ดูจำนวนคลิกลิงค์และข้อมูลจาก ๆ ด้วยเว็บย่อ URL อย่าง bit.ly และ awe.sm
หลายคนอาจจะเคยเห็นลิงค์ย่อเว็บไซต์อย่าง Bit.ly กันบ้างแล้ว อันที่จริงแล้วในการใช้งานนอกจากจะทำให้ URL ที่ยาว ๆ ทำให้สั้นลงแล้ว ถ้าเราลงทะเบียนใช้งานกับทาง bitly โดยตรงแล้ว ยังสามารถเก็บบันทึกสถิติการคลิกเพื่อดูอัตราการคลิก URL นั้น ๆ ได้อีกด้วย โดยเราจะต้องทำลงทะเบียนชื่อของเรา และทวีตข้อความผ่านที่หน้าเว็บไซต์ของ Bitly?จากนั้นก็จะมีการเก็บข้อมูลการทวีตจาก URL ที่เราใส่ไปและจัดทำออกมาเป็นกราฟรายงานอย่างสวยงาม โดยมีบริการการรายงานข้อมูลคล้าย ๆ กับ Tweetreach คือถ้าต้องการแบบละเอียดก็ต้องมีการเสียเงินเพิ่ม
นอกจากนี้ยังมี awe.sm จะให้บริการเช่นเดียวกับ bitly แต่จะใช้ได้ฟรีเพียง 30 วันและหลังจากนั้นต้องเสียเงิน
4. ดูความเคลื่อนไหวจาก keyword ที่เราต้องการด้วย monitter และ Twinitor
สำหรับผู้ที่ดูแล Twitter นั้นคงจะต้องติดตามทั้ง Twitter ของแบรนด์หรือบริการที่ตัวเองดูแล รวมไปทั้งดูความเคลื่อนไหวทางด้านอื่นๆ ไปในเวลาเดียวกัน เลยมีเครื่องมือที่ชื่อว่า Monitter? ซึ่งข้อดีของ Monitter คือมันสามารถที่จะเพิ่ม column ในการดูได้หลายๆ keyword ที่เรากรอกลงไป โดยจะแสดงในรูปแบบ realtime ทั้งหมด ซึ่งจะช่วยให้คนที่ดูแล Twitter สามารถดูและติดตามว่ามีใครบ้างที่อ้างอิง (mention) และทวีตซ้ำ (Retweet)?ได้ทันที
อีกเว็บที่ให้บริการเหมือนกันคือ Twinitor ซึ่งสามารถดูได้หลายๆ keyword ในแบบ realtime เช่นกัน โดยจะมีการแบ่งตาม keyword เป็นสีของกล่องข้อความทวีต แต่ถ้าเทียบการดูยากง่าย monitter จะดูได้ง่ายกว่า
5. ดูจำนวนคน Follow หลังจากการทวีตไปด้วย TweetEffect
TweetEffect เป็นเว็บที่จะบอกความเคลื่อนไหวในด้านจำนวนคนที่เข้ามากด Follow เรา ว่าในช่วงที่เราทวีตออกไปแล้ว มีคนมากด Follow เราเพิ่มหรือ unfollow เราไป ด้วยการพิมพ์รายชื่อ Twitter ลงไป หลังจากนั้นก็จะมีข้อความทุกทวีตที่รายชื่อนั้นพิมพ์ไปและความเคลื่อนไหวทั้งหมด ข้อมูลที่ได้จากเว็บนี้จะช่วยให้เจ้าของแบรนด์และบริการสามารถรับรู้ความเคลื่อนไหวจากการที่เราส่งข้อความไปแล้วว่ามีผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่ เพื่อพิจารณาและวิเคราะห์ในการส่งข้อความทวีตต่อไป
อันที่จริงแล้วยังมีเครื่องมืออีกมากมายหลายสิบหลายร้อยแบบให้เลือกใช้ แต่สุดท้ายแล้วก็จะมีเครื่องมือเพียงไม่กี่อย่างที่คุณจะใช้ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าเครื่องมือนั่นคือ เนื้อหาจากถ้อยทวีต, การเอาใจใส่ดูแลของผู้ดูแล Twitter คนนั้น และความสม่ำเสมอ สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่จะช่วยเสริมให้แบรนด์สินค้าและบริการของคุณได้ประโยชน์จากการใช้งานโซเชียลมีเดียได้มากที่สุดนั่นเอง
ที่มา: ดัดแปลงและเพิ่มเติมจาก socialmouth.com