ในโลกยุคดิจิตอล รูปแบบการใช้ชีวิตของคนในยุคนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง องค์กรมากมายเริ่มหันมาเน้นนโยบาย Paperless หรือการลดการใช้กระดาษ ในบางองค์กรที่ผมเคยได้มีโอกาสคุยด้วยนั้นสามารถลดต้นทุนเรื่องนี้ไปได้เป็นหลักแสนๆ บาทต่อปีเลยทีเดียวล่ะครับ วันนี้ผมพาไปคุยกับอีกหนึ่ง Startup ไทยไฟแรงที่พัฒนาแอพฯ ที่จะลดการใช้กระดาษในรูปแบบของ “ตราประทับแบบดิจิตอล” กันครับ…

แล้วผมก็มาอยู่กับทางทีมงานของแอพฯ ตราประทับดิจิตอล นามว่า “Stamp” เราไปคุยเกี่ยวกับแอพฯ ของพวกเขา ไปคุยกับรูปแบบของ Business Model และมุมมองในการเป็น Startup เพื่อให้พวกเขาได้เล่าประสบการณ์และเป็นแรงบันดาลใจ ให้เพื่อนๆ thumbsup’er และ Startup ไทยทุกท่าน

?……………………………………………………………………

thumbsupTH: สวัสดีครับ อยากให้ทางทีมงานของ Stamp แนะนำตัวเองหน่อยครับ

Stamp:?สวัสดีครับ พวกเรา โอปี้ โลพันธ์ศรี (co-founder) ปอง ยวกุล (co-founder) และ วิชญ์ เนียรนาทตระกูล (CTO) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท โมบิลิติ จำกัด (Mobiliti) ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาแอพพลิเคชัน Stamp ครับ

thumbsupTH:?เพื่อให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจถึงตัว Product ของทาง Stamp แนะนำได้ไหมครับ ว่าจริงๆ แล้ว “Stamp” มีเอาไว้ทำอะไร และจะมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

Stamp:?Stamp เป็นแอพลิเคชั่นที่ทำให้บัตรสะสมแต้มที่ทุกคนมีอยู่ในกระเป๋าสตางค์มาอยู่บนสมาร์ทโฟน จากการทำ research กับ consumers เราพบว่าสาเหตุที่ลูกค้าไม่ได็ใช้สิทธิ์จากบัตรสะสมแต้มในปัจจุบันเนื่องจาก ลืมไว้ที่บ้านบ้าง หาไม่เจอเวลาที่ต้องใช้มันบ้าง หรือโยนทิ้งสิทธิ์นี้ตั้งแต่แรกเพราะขี้เกียจเก็บบัตร idea ของเราคือ back to basics แม้ว่าทุกอย่างจะถูกปรับให้มาอยู่บนสมาร์ทโฟน และจะเป็นนวัตกรรมที่ใหม่เอี่ยมและทันสมัย แต่การใช้งานต้อง simple และง่ายที่สุดสำหรับทั้ง consumers และ ร้านค้า

วิธีแก้ปัญหาของ Stamp คือ ผู้ใช้สามารถไปร้านค้าร้านโปรดที่ร่วมกับ Stamp ยื่นสมาร์ทโฟนให้พนักงานประทับตราลงบนหน้าจอได้อย่างง่ายๆด้วยตัวปั๊มอัจฉริยะ ซึ่งทางเราเป็นผู้พัฒนาและจดสิทธิบัตรนวัตกรรมนี้ ธุรกิจร้านค้าที่จับมือกับ Stamp ได้รับประโยชน์ที่ไม่ใช่เพียงแต่การมีฐานลูกค้าประจำที่เพิ่มขึ้น แต่ Stamp ยังทำให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญสะสมแต้ม เข้าใจลักษณะพฤติกรรมของลูกค้าประจำ มีช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง และสามารถประเมินผลการดำเนินงานของธุรกิจนั้นๆได้ในระยะยาวด้วย

thumbsupTH: อะไรเป็นแรงบันดาลใจ หรือไปได้แนวคิดในการสร้าง Stamp มาจากไหนครับ

Stamp:?เราเล็งเห็นว่าธุรกิจร้านค้าก็มีการใช้บัตรกระดาษสะสมแต้มและตัวปั๊มตรายางกันอยู่แล้ว แต่เรามาตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ทำไมเราถึงไม่ทำอย่างเดียวกันบนสมาร์ทโฟนล่ะ?”

ซึ่งจริงๆ แล้วไอเดีย “บัตรสะสมแต้มบนสมาร์ทโฟน” ก็ไม่ได้เป็นไอเดียใหม่นะครับ แต่พวกเราอยากจะพัฒนาแนวคิดนี้ไปสู่อีกขั้นที่ดีกว่าเพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกคุ้นเคยและทำให้แอพลิเคชั่นนี้ง่ายต่อการใช้มากขึ้น ไอเดีย Back to basics และ Simplicity ทำให้เรามีการคิดค้น ?Digital stamper? ขึ้นมาทดแทนตรายางที่เราเห็นกันทั่วไปครับ

thumbsupTH:?มาว่ากันด้วยเรื่อง Business Model กันบ้างครับ เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ และอุปสรรคสำคัญสำหรับ Startup กันเลยทีเดียว จะลองช่วยแชร์ให้ thumbsup’er ที่กำลังอยากจะเป็น Startup หน้าใหม่ ได้ไปเป็นไอเดียหน่อยสิครับ

Stamp:?คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการสร้าง Business Model นั้นเป็นหนึ่งในเรื่องที่ยากมากของการเริ่มธุรกิจ Startup เพราะในฐานะผู้ประกอบการหน้าใหม่ คุณต้องลองผิดลองถูกอยู่ตลอดเวลาและดูว่าสิ่งใดที่ตอบโจทย์และไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้ business model ของ Stamp เองก็ยังไม่สามารถพูดได้ว่าสมบูรณ์ 100% ซะทีเดียว เพราะเราก็ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองเช่นกัน ซึ่ง business model ของเรา ณ ตอนนี้คือเรามีรายได้หลักมาจากธุรกิจร้านค้า (ค่าบริการรายเดืิอน) ที่ใช้ Stamp เป็น platform ในการทำแคมเปญสะสมแต้ม ในขณะที่ผู้ใช้แอพลิเคชั่นนี้สามารถดาวน์โหลดแอพลิเคชั่น Stamp ได้ฟรี

โดยพวกเราใช้ “Business Model Canvas” เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าใจและสามารถประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนใน business model ของเรา และทำให้เราสามารถปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจของเราได้เรื่อยๆ

thumbsupTH:?แล้วกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญของทาง Stamp คือใครบ้างครับ

Stamp:?Stamp มีกลุ่มเป้าหมายสองกลุ่มที่เสริมกันและกัน กลุ่มแรกคือ end-consumers ที่ใช้สมาร์ทโฟน ทันสมัย นำเทรนด์ และเป็นคนรุ่นใหม่ ส่วนกลุ่มที่สองนั้นคือ businesses หรือร้านค้าที่มีความ in-trend และมีกลุ่มลุกค้าที่ตรงกับ target end-consumers ของทางเรา

thumbsupTH:?ในตลาดแอพฯ ตอนนี้ มีคู่แข่ง หรือคนที่ทำคล้ายๆ กันบ้างไหมครับ แล้วมองยังไงครับถ้ามีคู่แข่งเพิ่มขึ้น

Stamp:?มีบ้างครับ ซึ่งแต่ละเจ้าก็ต่างมีธุรกิจร้านค้าและร้านอาหารร่วมเป็นพันธมิตรมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงแม้ว่าทุกเจ้ากำลังพยายามที่จะเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดนี้ การที่ได้เห็นธุรกิจร้านค้า และผู้ใช้แอพฯในประเทศไทยยอมรับแนวคิดดิจิตอลเหล่านี้ ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าคนไทยกำลังปรับตัวเข้าหาเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างต่อเนื่องครับ

thumbsupTH:?ตอนนี้ทาง Mobiliti มีเงินทุนมาจากไหนครับ แล้วมีกลุ่มผู้ลงทุนอย่าง VC ติดต่อมาบ้างหรือไม่ครับ

Stamp:?ตอนนี้บริษัท Mobiliti ใช้เงินทุนส่วนตัว 100% ครับ และตอนนี้ก็ยังไม่มีกลุ่มผู้ลงทุนอย่าง VC ติตต่อมาครับ

thumbsupTH:?สุดท้ายนี้อยากให้ทาง Stamp ฝากข้อคิดให้เพื่อนๆ Startup ทั้งหน้าใหม่ และหน้าเก่าที่กำลังรู้สึกว่าการก้าวต่อไปเป็นเรื่องยาก หน่อยครับ…

Stamp: สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเดินหน้าไปเรื่อยๆได้ คือการที่เรามักจะก้าวถอยหลังมาหนึ่งก้าวระหว่างการทำงาน เพื่อมาย้อนดูว่าอะไรที่เราทำไปแล้วมันได้ผลหรือไม่ได้ผล การที่เราโฟกัสไปในสิ่งที่ทำแล้วได้ผล มันทำให้เรามีแรงผลักดันที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยากกว่าคือการยอมรับว่าอะไรที่ทำแล้ว ตลาดตอบรับไม่ดี บางครั้งต้องตัดใจหยุดทำสิ่งที่คิดกันมาเป็นเดือน แต่ในบางครั้งเราอาจไม่ถึงกับต้องทิ้งไอเดียนั้นไป เราสามารถเก็บไอเดียนั้นไว้ก่อนแล้วค่อยกลับมาดูภายหลังในมุมมองที่ใหม่กว่าเดิมอีกครั้ง

?……………………………………………………………………

เห็นไอเดียดีๆ แบบนี้พวกเราทีมงาน thumbsupTH ขอยกนิ้วให้ครับ แล้วพบกันใหม่กับบทสัมภาษณ์ดีๆ ที่พวกเราทีมงานจะไปสรรหามาให้เพื่อนๆ thumbsup’er ติดตามกันนะครับ สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ…

10 years experience in telecommunication business, specialize in customer experience management and call center operation. Rungroj also passionate about how social technologies shape human interaction via social media. He is a co-author of "Marketing 2.0 and 2.1 - Social Media Marketing" and author of many best-selling mobile phone guidebook in Thailand.