wwdc13-about-main

กลับมาอีกครั้งกับงานที่คนที่เป็นแฟนผลิตภัณฑ์จาก Apple หรือที่เราคุ้นเคยว่าเป็นสาวกเผ้ารอคอยกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากทาง Apple ซึ่งในครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่รอคอยกันยาวนานที่สุดเพราะกว่า 8 เดือนแล้วที่ไม่มีงานเปิดตัวสินค้าใหม่ ครั้งนี้เลยเป็นที่จับตามองมากๆ ว่าทาง Tim Cook และทีม Apple นั้นจะเปิดตัวอะไรใหม่ๆ ออกมาบ้าง

ก่อนจะเข้าสู่งานโดยปกติแล้วเรามักจะได้เห็นข่าวหลุดต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีงาน แต่ในครั้งนี้เหมือนว่าทาง Apple จะทำการบ้านมาดี เพราะต้องบอกว่าแทบจะไม่มีการหลุดของข่าวเลยก็ว่าได้ จะมีเพียงแค่ช่วงสัปดาห์ที่แล้วที่เริ่มมีการไปที่สถานที่จัดงาน ก็คือ Moscone Convention Center เมือง San Francisco สหรัฐอเมริกา ของสำนักข่าวต่างๆ ก็พบกับสัญลักษณ์ 7 และ X ภายในงาน ก็เหมือนเป็นการบอกใบ้ว่าสิ่งที่จะมีขึ้นในงานก็คงหนีไม่พ้นการเปิดตัว iOS 7 และระบบปฏิบัติการอย่าง OS X ในรูปโฉมใหม่

http://www.youtube.com/watch?v=VpZmIiIXuZ0

การเปิดตัวเริ่มด้วยวิดิโอที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญและเน้นการออกแบบ โดยการใช้สีขาวและสีดำเป็นตัวแทน รวมทั้งการใช้จุด (Dot) เป็นตัวแทนในเชื่อมต่อความรู้สึกต่างๆ ทั้งความรัก ความสุข และลงท้ายด้วยประโยคที่ว่า “there are a thousand no’s for every yes” และ Designed by Apple in California

wwdc2013-016wwdc2013-017

Tim ได้บอกว่า WWDC 2013 ในครั้งนี้ถือเป็นการขายตั๋วหมดที่เร็วที่สุด เพราะใช้เวลาเพียงแค่ 71 วินาทีเท่านั้น ส่วนเรื่องร้าน Apple Store ปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 407 ร้านใน 14 ประเทศทั่วโลก และได้แนะนำ Apple Store สาขาเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมันที่ยังคงสถาปัตยกรรมที่สวยงามเอาไว้ ซึ่งเมื่อเห็นภาพและวิดิโอแล้ว ก็ต้องบอกว่าสวยงาม น่าไปเยือนสักครั้งจริงๆ

App Store

wwdc2013-020wwdc2013-021

เข้าสู่การแนะนำตัวเลขตามธรรมเนียมของ Apple ด้วยการเอาตัวเลขของ App Store ขึ้นมาเป็นอย่างแรก ซึ่งเข้าสู่ปีที่ 5 ในการมี App Store โดยในตอนนี้มียอดดาวน์โหลดไปทั้งหมด 50,000 ล้านครั้งไปแล้ว โดยมีจำนวน iOS แอพทั้งหมดกว่า 900,000 ตัวแล้ว แล แยกออกมาเป็นแอพสำหรับ iPad ถึง 375,000 แอพ

wwdc2013-026wwdc2013-027

รายได้จากการดาวน์โหลดเมื่อเทียบกับระบบปฏิบัติการณ์อื่นๆ ต่างกันลิบลับ เพราะ iOS มีมากถึง 74% และทำรายได้ให้กับนักพัฒนากว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึงหนึ่งเท่าตัว

Mavericks – The New Mac OS X

wwdc2013-041wwdc2013-046

หัวข้อถัดไปที่ Tim พูดถึงคือ Mac โดยมีอัตราการเติบโตในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาสูงแบบเทียบกับ PC ไม่ติด รวมทั้งยังมีการเปรียบเทียบการใช้งานระหว่าง Mountain Lion และ Windows 8 ซึ่งเป็น version ล่าสุดของทั้งสองค่าย โดยมีเปอร์เซ็นต์ต่างกันลิบลับ


wwdc2013-049wwdc2013-048

จากนั้น Craig Federighi จึงขึ้นมาเปลี่ยนหน้าที่ในการแนะนำ OS X ตัวล่าสุด โดยตอนแรกมีการหยิบชื่อขึ้นมาว่า Version ของ OS X นั้นจะออกมาในตระกูลของแมวและมีการหยิบชื่อ OS X Sea Lion ขึ้นมา หายๆ คนตกใจกับชื่อที่ถูกหยิบขึ้นมาและเรียกเสียงหัวเราะในห้องได้อย่างมาก

wwdc2013-052

จนสุดท้ายก็ได้ประกาศชื่อของ OS X เวอร์ชันล่าสุดอย่างเป็นทางการชื่อว่า OS X Mavericks

wwdc2013-054wwdc2013-057

คุณสมบัติที่ถูกหยิบขึ้นมานำเสนอได้แก่ Finder Tabs คือการรวมการค้นหาทั้งหมดมาใส่ไว้ในรูปแบบ Tabs, Tags การใส่ชื่อหรือคำที่ต้องการลงในเอกสารหรือไฟล์ที่ต้องการ เพื่อง่ายต่อการค้นหา

wwdc2013-059wwdc2013-067

และ Multiple Display ที่ถือว่าเรียกเสียงฮือฮาได้อย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ OS X Maverick สามารถทำงานได้มากกว่า 1 จอ โดยมีการสาธิตการสลับการใช้งานถึง 3 จอ โดยสามารถที่จะดึงการทำงานจากหน้าจอหนึ่งไปยังอีกหน้าจอได้อย่างง่ายดาย และสามารถทำงานร่วมกันกับ Apple TV ได้อีกด้วย

wwdc2013-073wwdc2013-075

ประสิทธิภาพการทำงานของ Mavericks จะมีการใช้ทรัพยากรไม่ว่าจะเป็น Memory และ CPU ที่น้อยลงกว่า Mountain Lion

wwdc2013-077wwdc2013-082

Safari ถือเป็น Browser ที่อยู่คู่กันกับ OS X โดยครั้งนี้ถือเป็นการปรับปรุงการใช้พลังงานแบตเตอรี่, การจัดการ Memory Cache รวมทั้งการจัดการ Process แบบแยก Tab มีการเปรียบเทียบกับ Browser คู่แข่งอื่นๆ อย่าง Chrome, Safari (ไม่พูดถึง Internet Explorer แต่อย่างใด) ซึ่งแน่นอนว่า Safari ทำงานได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด

wwdc2013-094wwdc2013-097

Notifications – นอกจากการเตือนต่างๆ อย่างเมล, ข้อความ Facebook, Twitter แล้ว การจัดการอื่นๆ อย่างการรับสาย FaceTime ก็สามารถจัดการได้จากแถบ Notifications ได้เลย หรือบริการอื่นๆ ที่เริ่มเข้ามาเตือน อย่าง eBay, Yahoo! ก็สามารถหยิบมาเตือนได้ที่ Notifications เช่นกัน

wwdc2013-090wwdc2013-091

iCloud Keychain – เป็นระบบใหม่ที่จะเอามาใช้กับการกรอก Password สำหรับกรอกบัตรเครดิต โดยเมื่อใข้ Safari จะมีระบบในการสร้าง Password ให้อัตโนมัติ และไม่จำเป็นจะต้องจำ Password อีกต่อไป

wwdc2013-099

Calendars – มีการ update เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมีการเพิ่ม Events จาก Facebook และเพิ่มข้อมูลของสถานที่ในการนัดหมายรวมทั้งการเดินทางลงใน Calendars ด้วยสถานที่ที่ต้องการ

wwdc2013-101wwdc2013-102

Maps – แผนที่ การเพิ่ม Info Cards ในรายละเอียดของแต่ละสถานที่ รวมทั้งมีการรวมบริการของ Yelp เพื่อการดูรีวิวร้านอาหารต่างๆ ได้ และสามารถส่งเส้นทางที่ต้องการจะไปจากบน Mac ไปยังบน iPhone ได้อย่างง่ายดาย

wwdc2013-104wwdc2013-111

iBooks – ถือเป็นการเพิ่มลงใน OS X เป็นครั้งแรก สามารถที่จะอ่านหนังสือบนหน้าจอ Mac ได้สะดวกขึ้น

wwdc2013-118

สำหรับ OS X Mavericks นั้นจะเริ่มเปิดขายในช่วง Fall หรือประมาณกันยายนนี้

New Macbook Air

wwdc2013-120wwdc2013-123

ต่อมา Phil Schiller ขึ้นมาพูดถึง Macbook Air โดยมีการใช้ CPU ของ Intel ตัวล่าสุด 4th Generation ที่ใช้ชื่อว่า Haswell ULT โดยจะสามารถจะใช้งานได้นานขึ้นกว่าเดิม, ใช้งาน Graphic ที่ดีขึ้น และใช้ Wi-Fi 802.11ac ที่เร็วขึ้นกว่าเดิม

wwdc2013-130

โดยราคาเริ่มต้นหน้าจอ 11 นิ้วจะอยู่ที่ $999 และ 13 นิ้วอยู่ที่ $1099

New Mac Pro

wwdc2013-134wwdc2013-147

มาในรูปทรงใหม่ล่าสุด จากเดิมที่เหมือนเป็นรถถังเหลี่ยมๆ สีเงินคันใหญ่ กลายเป็นทรงกระบอกที่เล็กกว่าเดิมมาก รวมทั้งดูหรูหรากว่าเดิม

wwdc2013-138wwdc2013-145

ภายในอัดสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Intel Xeon รุ่นล่าสุด, RAM DDR3 1866MHz, Graphic ที่ใข้ FirePro ของ AMD รวมทั้งรองรับ 4K Videos ด้วย (อันนี้จัดเต็มจริงๆ)

wwdc2013-150

Mac Pro ตัวนี้ประกอบที่อเมริกาจ้า และจะเริ่มวางขายภายในปีนี้

iWork for iCloud

wwdc2013-160wwdc2013-163

ถัดจากการแนะนำ Hardware ใหม่ทั้ง 2 รุ่นไปแล้วก็เปลี่ยนมือมาให้ Roger Rosner มาพูดถึงเรื่อง iWork ที่สามารถใช้งานบน iCloud ได้แล้ว โดยสามารถจะใช้งาน iWork ไม่ว่าจะเป็น Pages, Numbers และ Keynotes ได้บน Web Browser ได้อย่างง่ายดาย

wwdc2013-164wwdc2013-169

รวมทั้งสามารถจะดึงเอาไฟล์จาก Microsoft Office มาลากลงแล้วใช้งานได้เลย โดยจะเปิด Public Beta ให้ใช้งาน iWork for iCloud ภายในปีนี้

iOS 7 – The refreshment of iOS

wwdc2013-173wwdc2013-174

มาถึงสิ่งที่ใครหลายคนรอคอยกับ iOS 7 ตัวที่ว่ากันว่าจะมีการเปลี่ยนโฉมจากเดิมใหม่หมด โดยก่อนจะเริ่มพูดถึงก็มีสถิติต่างๆ มาข่มกันเช่นเดิม โดยเริ่มที่จำนวนเครื่องที่ใช้ iOS (รวม iPad, iPhone, iPod Touch) กว่า 600 ล้านเครื่องที่ถูกขายออกไป และมีการใช้งานทิ้งคู่แข่งเจ้าอื่นๆ แบบทิ้งห่าง รวมทั้งส่วนแบ่งทางการตลาดที่กินไปถึง 60%

wwdc2013-176

และการใช้เว็บไซต์ผ่านแท็บเล็ตบน iPad ก็มีมากถึง 82% (แต่ต้องยอมรับว่าลดลงจากปีก่อนไปพอสมควร)

wwdc2013-178wwdc2013-179

แน่นอนว่าความพึงพอใจก็ถูกหยิบมาพูดถึง และ iOS ก็สูงกว่าใครเพื่อน (แน่นอน)

wwdc2013-182wwdc2013-184

และแล้วสิ่งที่ใครหลายคนรอคอยนั่นก็คือ “iOS 7” โดยเปิดตัวมาด้วย Jony Ive ผู้ที่ถูกให้มาเป็นหัวหน้าทีมออกแบบ iOS 7 มาพูดถึงการออกแบบแบบรื้อของเดิมแบบยกกระบิโดยนิยามสั้นๆ ว่า การออกแบบมาจากประสบการณ์ของเราล้วนๆ “Ultimately, of course, design defines so much of our experience.”

wwdc2013-191wwdc2013-187

ในช่วงระหว่างการฉายวิดิโอ ก็มีเสียงฮือฮาของคนในห้องมาเป็นระยะๆ ซึ่งต้องยอมรับว่ามันสวยจริงๆ ครับกับ iOS 7

wwdc2013-199wwdc2013-200

Craig Federighi กลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง โดยที่ Jony Ive อยู่ด้านล่างไม่ขึ้นมา Keynotes ถ้าดูจากหน้าจอแล้วจะเห็นได้ถึงการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่หน้าจอ Lock Screen จนถึงหน้า Home ที่มีการเปลี่ยน icon ทุกอย่างใหม่หมดจด

wwdc2013-203wwdc2013-202

หน้าจอทุกหน้าดูสะอาดตาและเรียบง่าย แต่ดูหรูหรา

wwdc2013-209wwdc2013-210

ถึงช่วงสาธิตการใช้งาน จะเห็นว่าหน้าจอนั้นมีการเคลื่อนไหวต่างจาก iOS ดั่งเดิม อย่างหน้าจอแสดงอุณหภูมิประเทศต่างๆ

wwdc2013-221

จากนั้นก็เริ่มมีการดึงคุณสมบัติใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน iOS 7 มา อย่าง Control Center ที่สามารถเข้าถึงการใช้งานต่างๆ ได้ด้วยการปัดหน้าจอขึ้นเพื่อแสดงเมนูต่างๆ ขึ้นมา

wwdc2013-224wwdc2013-225

Multitasking ใน iOS 7 จริงๆ แล้วนั้นมีตั้งแต่ iOS 4 แต่ถูกว่ามาอยู่เรื่อยๆ ว่าการเปิดนี้กินทรัพยากรเครื่องอย่างมาก แต่ใน iOS 7 นี้ทุกแอพพลิเคชันสามารถใช้งาน Multitasking ได้โดยที่ใช้แบตเตอรี่น้อยลง

wwdc2013-229wwdc2013-228

Safari มีการทำให้เป็นหน้าจอแบบ Fullscreen รวมทั้งสามารถแสดงรายการที่อยู่ใน Favorite และดูรายการที่เปิดได้ทั้งหมดโดยแสดงในรูปแบบเหมือนการค้นหาแฟ้มในตู้เอกสาร และใช้งานได้มากกว่า 8 หน้า ซึ่งเป็นข้อจำกัดเดิมของ iOS ที่ผ่านมา

wwdc2013-238wwdc2013-239

AirDrop และแล้วคุณสมบัตินี้ก็มีใน iOS 7 โดยเป็นการส่งข้อมูลผ่าน AirDrop ได้เลย โดยไม่ต้องเอาเครื่องมาแปะติดกัน (บน Keynotes Craig ทำท่าแซว S-Beam ของอีกค่ายอย่างชัดเจน เรียกเสียงฮาจากผู้ฟังได้ดังมากๆ)

wwdc2013-240

การใช้งาน AirDrop นั้นจะใช้ได้แต่เครื่องรุ่นใหม่ๆ เท่านั้น ใครใช้รุ่นเก่าๆ ก็คอตกกันไปนะครับ

wwdc2013-242

Camera การออกแบบหน้าจอเปลี่ยนไปจากเดิมแบบคนละเรื่องเลยครับ โดยการเปลี่ยนโหมดการถ่ายเปลี่ยนด้วยการปัดนิ้ว โดยมีการถ่ายปกติ, ถ่ายวิดิโอ, ถ่ายรูปแบบสีเหลี่ยมจัตุรัส, ถ่ายแบบ Panorama รวมทั้งมี Filter มาให้ใส่โดยจะเป็น Live Filter คือใส่ก่อนถ่ายให้ได้ดูภาพก่อนกด shutter

wwdc2013-245wwdc2013-247

Photos มีตัวช่วยในการจัดกลุ่มของภาพให้ดูและแชร์ง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยมีการจัดได้ทั้งสถานที่ที่ถ่าย หรือจัดเรียงตามวันและปีได้ (จุดนี้สะดวกมากๆ สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปเยอะๆ)

Siri/iOS in the car

wwdc2013-255wwdc2013-256

จบช่วงของ iOS 7 ก็จะเป็น Siri โดย Eddy Cue ขึ้นมาพูด โดย Siri ตัวใหม่นี้มีการเปลี่ยนเสียงพูดของผู้หญิง และสามารถเปลี่ยนเป็นเสียงผู้ชายได้ตามต้องการ รวมทั้งมีการเพิ่มการควบคุมคุณสมบัติอื่นๆ เพิ่มเติมอย่างการเปิดปิด bluetooth, การค้นหาใน Twitter, Wikipedia และ Bing เป็นต้น

wwdc2013-258wwdc2013-260

สำหรับการรวม Siri ในรถยนต์ที่ถูกพูดถึงเมื่องานครั้งก่อนหน้านี้ กำลังจะเป็นจริง(เสียที) โดยจะมีการรวม iOS ลงในรถยนต์ยี่ห้อดังๆ ภายในปีหน้า (2014)

iTunes Radio

wwdc2013-274wwdc2013-276

เป็นบริการใหม่ล่าสุดโดยเป็นการฟังเพลงฟรี ในรูปแบบวิทยุ โดยที่จะมีโฆษณามาคั่นระหว่างการฟัง แต่ถ้าหากจ่ายค่าบริการ $24.99 ต่อปีเพื่อใช้งาน iTunes in the Cloud ก็จะสามารถฟังโดยไม่มีโฆษณาคั่น โดยตอนนี้จะสามารถฟังได้ที่สหรัฐฯ เท่านั้นในช่วงนี้

อื่นๆ ใน iOS 7

wwdc2013-277

  • แอพพลิเคชันจะทำการ update เองอัตโนมัติ โดยเราไม่ต้องเข้าไปกดเพื่อ update เองแล้ว
  • FaceTime Audio จะสามารถโทรหากันโดยใช้เสียงได้
  • Activation Lock ระบบที่เพิ่มขึ้นมาโดยเมื่อเครื่องถูกลบข้อมูลทิ้งก็จะทำการ reactivate ไม่ได้จนกว่าจะรู้ Apple ID ของเรา
  • สามารถเลือก block คนที่เราไม่ต้องการรับสาย, FaceTime, Message ได้แล้ว
  • และอื่นๆ อีกมากมาย

ทั้งหมดนี้เริ่มเปิดให้ดาวน์โหลดสำหรับนักพัฒนาแล้ว และการใช้งานอย่างเป็นทางการของ iOS 7 จะอยู่ในช่วงเดือนกันยายนเป็นต้นไป…

ปิดท้ายด้วยวิดิโอ Our Signature ถือเป็นการจบงานแถลงข่าว WWDC 2013

http://www.youtube.com/watch?v=Zr1s_B0zqX0

บทสรุป

ถือเป็นการปลดปล่อยความอัดอั้นของทาง Apple ที่ไม่ได้แถลงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ได้สมการรอคอยของสาวกหลายๆ คน หลายๆ อย่างไม่ถูกหลุดออกมาก็เพราะการย้ายการประกอบไปอยู่ที่สหรัฐฯ รวมทั้งการพลิกโฉมของระบบปฏิบัติการของทั้งบนโมบายล์และบน Mac ที่เรียกได้ว่าสมการอดทนรอคอยจริงๆ

ตอนนี้ก็คงต้องอดทนรอคอยต่อไปก็คือการได้ใช้งานจริงๆ ซึ่งก็เชื่อว่าระยะเวลาประมาณ 2 – 3 เดือนนั้นคงไม่นานเกินไปที่จะรอ และถึงตอนนั้นแล้ว ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่าง iPhone 5S และ iPad รุ่นใหม่ๆ ก็คงออกมาพอดิบพอดี…

ภาพจาก Live keynotes tuaw.com

bank - full-time reader, part-time invisible writer, Fanpantae GDH