หลังจากมีการแย้มแผนการหารายได้ของ Instagram ไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา ล่าสุดทาง Instagram ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการว่าจะมีโฆษณาปรากฎอยู่บนหน้าแอพถ่ายและแชร์รูปภาพอย่างแน่นอนในอีก 2 เดือนข้างหน้า
3 ปีแล้วที่ Instagram เริ่มออกมาให้คนได้ใช้งานกันจนไปเตะตา Facebook และคว้ามาครองเมื่อต้นปี 2555 โดยปัจจุบันตอนนี้มีผู้ใช้งานมากกว่า 150 คนทั่วโลก แต่จนแล้วจนรอด Instagram ก็ยังไม่สามารถสร้างรายได้ได้อย่างชัดเจนเสียที เปรียบได้กับแอพการกุศลที่ปล่อยให้แบรนด์ดังต่าง ๆ มาใช้กันอย่างเมามัน
ในที่สุด Instagram ก็จะเริ่มสร้างรายได้เพื่อหล่อเลี้ยงธุรกิจของตัวเองเสียที โดยระบุว่าในอีก 2 เดือนข้างหน้า (ราวเดือนธันวาคม 2556) ผู้ใช้งานจะเริ่มเห็นโฆษณาปรากฏบนหน้า Feed หรือหน้าแสดงภาพรวมของคนที่เราติดตาม (Follow) โดยคนที่จะเห็นโฆษณาจะเป็นคนที่อยู่ที่สหรัฐอเมริกาเท่านั้นในช่วงแรก
สำหรับลักษณะของโฆษณาที่เห็นจะมีทั้งภาพและวิดิโอจะแสดงผลโดยไม่สนใจว่าผู้ใช้งานคนนั้นจะกด Follow แบรนด์นั้นหรือไม่ และทาง Instagram จะเน้นการปล่อยโฆษณาด้วยการใช้ภาพและวิดิโอที่มีคุณภาพสูงพอที่ได้รับมาจากแบรนด์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้ใช้งานได้แบบไม่เสียอรรถรส และที่สำคัญแล้ว ผู้ใช้งานสามารถเลือกซ่อนโฆษณาที่ไม่ต้องการดูพร้อมให้ feedback หากว่าคุณไม่พึงพอใจกับโฆษณาอย่างไรอีกด้วย
ทางเลือกทางเดียวที่มี?
ในด้านการทำเงิน Instagram มีตัวเลือกที่จำกัดมากๆ ในการสร้างรายได้ และตัวเลือกนี้เป็น 1 ในไม่กี่ตัวเลือกที่จะสามารถทำเงินให้ Instagram ได้ ส่วนตัวมองว่าค่อนข้างแฟร์และ “ใจ” มากจากการเปิดโอกาสให้ซ่อนโฆษณาได้ด้วยตัวเอง ซึ่งก็เหมือนกับตัวเลือกบน Facebook ที่เราสามารถซ่อนโฆษณาได้บนหน้า desktop เช่นกัน
Instagram = สปอตโฆษณา 15 วินาที
ถ้าให้มองในส่วนของวิดิโอ การลงโฆษณาแบบนี้ก็แทบไม่ต่างจากการอัดสปอตโฆษณา 15 วินาทีเพื่อนำเสนอหรือขายของอย่างด่วน และถือเป็นความท้าทายของแบรนด์มากๆ ในการทำให้ผู้ใช้งานสามารถหยุดอยู่กับที่ไม่เลื่อนหน้าจอเพื่อเปลี่ยนไปดูรูปอื่น
เมืองไทยกับโฆษณาบน Instagram?
หากมาที่ไทย น่าจะมีแบรนด์ลองวัดใจลงโฆษณาอยู่บ้างในลักษณะ “พลีชีพ” แบบทดลองลง ซึ่งก็คงไม่พ้นแบรนด์ใหญ่ๆ แต่ด้วยแบรนด์ต่างๆ ที่ใช้พื้นที่โฆษณาบน Instagram ในแบบการกุศล คือใช้แบบฟรีๆ จนคุ้นเคยไปแล้ว ดังนั้นในความคิดผมแบรนด์ต่างๆ ก็จะเลือกใช้และกลับมาติด Hashtag กันไปใจเย็นๆ เหมือนเดิมครับ
ผมเชื่ออย่างนั้นครับ…
ที่มา: Instagram Blog