aCommerce เป็นบริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ end-to-end e-commerce solutions แก่ร้านค้าออนไลน์จากประเทศไทย โดยจะช่วยให้บริการในการวางกลยุทธ์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง aCommerce นี้สามารถจัดหาบริการ เพื่อช่วยร้านค้าออนไลน์ในการเข้าถึงลูกค้าได้ดีกว่าเดิมอย่างไร ลองมาดูกัน
ทีมงาน aCommerce จากอินโดนีเซีย
ตามที่ได้มีการแถลงอย่างเป็นทางการจากบริษัท ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยผู้ลงทุนอย่าง Ardent Capital นำโดย Inspire Ventures ในไทย พร้อมทั้งได้รับการร่วมมือจาก NTT Docomo, Sumitomo Corporation Equity Asia Limited, Sinar Mas Indonesia, Asia Pacific Digital, CyberAgent Ventures, JL Capital และ strategic angel investors รวมถึงพนักงาน Key Executive เหล่านี้ บริการ aCommerce ได้ประกาศมูลค่ารวมแล้วกว่า 10.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
บริษัทเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อมิถุนายน ปี 2013 โดยบริการสร้างร้านค้าออนไลน์ให้กับแบรนด์ต่างๆ อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นวางแผนกลยุทธ์การขาย การโปรโมตสินค้า เพิ่มไอเดียลงในกระบวนการผลิต ลงการตลาดที่เหมาะสม ดูแลออเดอร์จากลูกค้าและโรงงาน การขนส่งและโลจิสติกส์ บริการลูกค้าสัมพันธ์และ call center โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาแนะนำ หรือเรียกได้ว่าดูแลร้านค้าออนไลน์ตั้งแต่ต้นจนจบเลยทีเดียว มีสำนักงานและศูนย์กระจายสินค้าบริการอยู่ 4 ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ซึ่งการมีสำนักงานอยู่ในตลาดที่จำเพาะเจาะจงลงไปนั้นทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงภูมิภาคท้องที่เหล่านั้นได้อย่างเต็มรูปแบบ และช่วยให้ลูกค้าเข้าถึง audience ได้อย่างถูกต้องด้วยข้อมูลเชิงลึกในพื้นที่
“จากเงินลงทุนแหล่งใหม่นี้ จะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างประสบการณ์ของลูกค้าจากการได้รับแพคเกจและเลือกช่องทางการชำระเงินที่สะดวกที่สุดสำหรับพวกเขา” Paul Srivorakul ผู้ดำรงตำแหน่ง Regional CEO ของ aCommerce กล่าว
อีกทั้งการลงทุนนี้จะช่วยเร่งระบบ e-commerce logistics infrastructure เพิ่มช่องทางการขนส่ง พัฒนาเทคโนโลยี AMP ขยายการจัดการสินค้า PopShop และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลักดันนำแบรนด์รอบโลกเพื่อเข้าสู่ตลาดในประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยประสบการณ์ในด้านการตลาดจากรอบโลกรวมถึงความสามารถในการเข้าถึงแต่ละท้องถิ่น ทำให้ทีมงานของบริษัทมีความพร้อมในการมอบบริการ e-commerce solutions สู่ทุกภูมิภาคอย่างเต็มที่
ด้วยการเติบโตและการแข่งขันของตลาด e-commerce ในปัจจุบันนั้นสูงมาก เห็นได้จากการที่ยักษ์ใหญ่ในวงการจากแดนมังกรอย่าง Alibaba ได้ลงทุนเปิดตลาด e-commerce ในสิงคโปร์มูลค่า 249 ล้านดอลล่าร์ จึงเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าอนาคตของการตลาดออนไลน์ยังมีผู้เข้าลงแข่งในสนามของภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่องด้วยเม็ดเงินมหาศาล
ทั้งนี้ Adrian Vanzyl หรือ CEO จาก Ardent Capital ยังเสริมอีกว่า “ผู้ร่วมลงทุนเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตของธุรกิจในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราคาดหวังว่าจะได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ต่างๆ มาใช้บริการของเรามากขึ้นเรื่อยๆ”
ที่มา : E27