โดยปกติเราจะเห็นการซื้อขายสินค้าบนออนไลน์กันเป็นเรื่องปกติบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่มีอยู่มากมาย รวมไปถึงการซื้อขายบนโซเชียลมีเดีย ที่ผ่านหน้า Pages หรือบน Groups อย่างที่เราคุ้นเคยกัน (รวมไปถึงฝากร้านแบบไร้ความรู้สึกด้วย) ที่ตอนนี้น่าจะเป็นที่ๆ มีความแอคทีฟในด้านจำนวนผู้ซื้อ ผู้ขาย และสินค้าสูงมากๆ
Facebook อ้างว่าปัจจุบันมีคนมากกว่า 450 ล้านคนเข้ามาซื้อและขายสินค้าภายใน Groups ตัวเลขนี้ทำให้ Facebook มองเห็นช่องทางในการสร้างบริการใหม่เพื่อเอามาต่อยอดและตอบสนองคนกลุ่มนี้ในชื่อว่า Marketplace
หลายคนอาจจะคิดว่า Marketplace น่าจะมาอารมณ์แบบกระดานขายของทั่วไป (Webboard) แต่จริงๆ แล้ว Facebook บอกว่าเขาทำ Marketplace เพื่อให้คนที่อยู่ใน community เดียวกัน (ซึ่งผู้เขียนเข้าใจว่าน่าจะเป็น Friend กัน หรือมีความชอบที่คล้ายๆ กันโดยจับเอาข้อมูลหลายๆ อย่างมาพิจารณา) รวมไปถึงตัวเลือกดูเมืองต่างๆ ได้ โดยเข้าไปที่ Marketplace ได้ที่ปุ่มร้านค้าที่อยู่ตรงกลาง (ของไทยปัจจุบันเป็นปุ่ม Live)
การค้นหาสินค้าที่ต้องการสามารถทำได้หลายแบบ ตั้งแต่การดูรูปภาพที่จะมีการแสดงขึ้นโดยยึดจากระยะห่างปัจจุบันของเรา หรือการระบุสิ่งที่เราต้องการได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Location เช่นการใส่ชื่อเมือง, การใส่หมวดหมู่, ช่วงของราคาที่ต้องการ โดยเมื่อเจอสิ่งที่สนใจจะซื้อแล้ว สามารถติดต่อกลับหาผู้ขายได้โดยการต่อรองเรื่องราคา หรือแม้แต่การส่งข้อความไปยังผู้ขายผ่าน Messenger
…แต่มีอยู่ 2 สิ่งที่ Facebook ยังไม่ได้มีบริการและไม่ขอยุ่งในตอนนี้ก็คือการจัดการเรื่องการจ่ายเงินและเรื่องการขนส่ง ทุกอย่างต้องทำผ่านการสนทนาเท่านั้น และข้อความทั้งหมดจะยังมีการเก็บไว้ในบัญชีของเราเพื่อเข้าไปอ่านได้
ส่วนการขายของก็ง่ายๆ เพียงแค่ถ่ายรูปสินค้า ใส่รายละเอียดสินค้าและราคา เลือกทำเลของสินค้าและเลือกหมวดหมู่ จากนั้นก็โพสต์ขึ้น เท่านี้สินค้าที่เราต้องการขายก็พร้อมที่จะไปแสดงให้กับคนที่สนใจได้ทันที
Marketplace เริ่มเปิดให้ใช้งานแล้วบนแอปพลิเคชันทั้งบน iOS และ Android ใน 4 ประเทศ ได้แก่ อเมริกา, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ โดยมีข้อแม้ในเรื่องของผู้ใช้งานจะเห็น Marketplace จะต้องมีอายุเกิน 18 ปีเท่านั้น ส่วนประเทศอื่นๆ Facebook บอกใน Blog ว่าจะทยอยให้ใช้งานเรื่อยๆ และจะเปิดให้ใช้งานบนหน้า Desktop ได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
จากการมาของ Marketplace แทบจะเรียกได้ว่า Facebook พยายามดึงคนให้ออกมาจากการซื้อขายเป็นส่วนตัว มาเป็นส่วนรวมมากขึ้น แม้ในตอนนี้ Facebook จะยังไม่ขอเกี่ยวข้องเกี่ยวกับเงินก็ตาม แต่ก็น่าจะเดาได้ไม่ยากว่าเรื่องเงินน่าจะมาอย่างแน่นอน ถามว่าใครได้ใครเสีย ก็อาจจะมองได้ว่าคนได้ก็คือผู้ใช้งาน Facebook เพราะเขาไม่จำเป็นต้องเข้ากลุ่มใดๆ ก็สามารถขายของได้ แต่คนที่หันมามองแบบเร็วๆ ก็คือบรรดากระดานข่าวหรือเว็บไซต์ซื้อขายสินค้ามือสอง (บ้านเราก็คงเป็น Kaidee) ที่น่าจะต้องคิดปรับทัพกับการเข้ามาขอแย่งเค้กชิ้นนี้ไปกิน
ประเด็นคือ คนแย่งเค้กตัวเขาใหญ่ แย่งทีนึงไม่น่าจะชิ้นเล็กๆ แน่ๆ…
ที่มา: Facebook Newsroom