สัปดาห์ที่ผ่านมาถือเป็นช่วงเวลาที่ชาวไทยสนใจข่าว “เจ๊ไฝ” กันมาก ข่าวจริงข่าวลวงเรื่องเจ๊ไฝจะคืนดาวมิชลินสตาร์ล้วนส่งให้ชื่อเจ๊ไฝเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ และกำลังเป็นระดับโลกเมื่อนักเทนนิสสาวมือ 1 ของโลกมีภาพคู่เจ๊ที่หัวหิน ทั้งหมดนี้อาจไม่ใช่เรื่องของการสร้างแบรนด์โดยตรง แต่ถือว่าเป็นบทเรียนมากกว่า 10 ด้านให้แบรนด์ได้ศึกษาในชีวิตจริง
หลายคนอาจยังไม่รู้จักเจ๊ไฝ “นางสุภิญญา จันสุตะ” เป็นเจ้าของร้านอาหารดังย่านประตูผี ที่ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับมิชลินสตาร์ 1 ดาว ซึ่งรู้ดีเรื่องคุณภาพมาตรฐานโลก
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวว่าเจ๊ไฝอยากคืนมิชลินสตาร์เหตุผลเพราะรางวัลนี้ทำให้เหนื่อย และรู้สึกว่าไม่มีทางเลือกเมื่อรัฐบาลไทยขอให้ช่วยโปรโมทประเทศ ในข่าวระบุถึงลูกสาว ซึ่งล่าสุดเจ๊ไฝยืนยันแล้วว่าไม่เคยคิด เนื่องจากมิชลินสตาร์ถือเป็นเกียรติประวัติของชีวิต ถือเป็นรางวัลระดับที่สุดของชีวิตตลอดการทำงาน 40 ปี โดยเจ๊ไฝไม่ลืมหยอดคำหวานว่า อยากให้ประเทศไทยมีความสุขกับเจ๊ไฝไปด้วย
คำให้สัมภาษณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่สนามหน้าห้องแทมมาลีน บลูพอร์ตวิง ฝั่งตรงข้ามโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาสหพันธ์เทนนิสแห่งเอเชีย (เอทีเอฟ) ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับ 3 นักเทนนิสสาวระดับโลกคือ ซิโมน่า ฮาเล็ป มือ 1 ของโลก จากโรมาเนีย, เยเลน่า ออสตาเพนโก้ มือ 7 ของโลกจากลัตเวีย และโจฮันน่า คอนต้า มือ 9 ของโลกจากสหราชอาณาจักร ที่มาร่วมการแข่งขันเทนนิสรายการพิเศษระดับโลกที่หัวหิน ทั้ง 3 นักหวดสาได้ร่วมกิจกรรมทำอาหารไทยกับเจ๊ไฝ ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานแสนเอร็ดอร่อย
รูปและข่าวนี้ดูดีมาก สื่อไทยบรรยายว่าเป็นการสยบข่าวทุกอย่างที่ระบุว่าเจ๊เหนื่อยเกินไปจนอยากกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิม ซึ่งขณะที่เจ๊ต้องปิดร้านเดินทางไปหัวหิน ก็มีข่าวว่านักท่องเที่ยวผิดหวังเป็นแถวเพราะเจ๊ไฝแปะป้ายปิดร้าน 2 วัน และข่าวสรรพากรที่เข้าไปตรวจสอบเจ๊ไฝในเบื้องต้นแล้ว
สิ่งที่เราสามารถสรุปได้จากแบรนด์เจ๊ไฝ คือ ส่วนผสมหลายสิ่งที่ต้องพึ่งพากันและกันอย่างลงตัว เช่น
1 หน้าตาโดดเด่น : ไม่ใช่ไข่เจียวปู แต่เป็นเจ๊ไฝเองที่ดูโดดเด่นเมื่ออยู่ที่ร้านของเธอ ท่าทางที่ดูเหมือนกำลัง “ออคเหล็ก” ในยูนิฟอร์มหมวกไหมพรมและแว่นตาที่มองเกือบเหมือนหมวกไอ้โม่งนั้นทำให้ภาพของเจ๊ไฝเก๋ไก๋ดูแตกต่าง แถมยังดูมืออาชีพและมี “นวัตกรรม” แบบจับต้องได้
2 รักษามาตรฐาน : แม้จะอายุ 72 แต่ทุกวันนี้เจ๊ไฝยังลงมือทำอาหารทุกจานในร้านของเธอด้วยตัวเอง นับตั้งแต่เปิดร้านนาน 35 ปี
3 มีเอกลักษณ์ : หนึ่งในเอกลักษณ์ของร้านเจ๊ไฝคือเตาถ่าน ไฟลุกโชนที่เป็นเบื้องหลังให้อาหารทุกจานดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาได้ดีกว่าเตาไฟฟ้า
4 กล้าหยุด : ตามประวัติ เจ๊ไฝเรียนต่อด้านตัดเย็บเสื้อหลังจากจบ ป. 4 แต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะทะเลเสื้อผ้าสำเร็จรูปในตลาดที่ทำให้ชาวไทยสั่งตัดเสื้อน้อยลง เจ๊ไฝกล้าเลิกกล้าเลือก ลงมือสร้างร้านของตัวเองขึ้นมาแทนที่จะจมกับร้านตัดเสื้ออย่างเดิม
5 เหนือกว่า : กรณีของร้านเจ๊ สื่อมวลชนบรรยายว่าร้านเจ๊ไฝถือเป็นเบอร์ 1 จาก 52 ร้านอาหารไทยที่ผ่านการคัดเลือกของมิชลินสตาร์ เรียกว่าเหนือกว่าทุกร้านอาหารข้างทางในประเทศไทย
6 ต้องสร้างสรรค์และคงที่ : ร้านเจ๊ผ่านคุณสมบัติ 6 ข้อของมิชลินสตาร์แบบไม่ด่างพร้อย ได้แก่ คุณภาพส่วนผสม ทักษะในการปรุงอาหาร การผสานรสชาติ ระดับความคิดสร้างสรรค์ คุณค่าของราคาอาหาร และมาตรฐานคงที่ของคุณภาพร้านอาหาร ทั้ง 6 ข้อนี้ถือเป็นคัมภีร์ที่ร้านอาหารควรท่องให้ขึ้นใจ
7 ไม่ฉวยโอกาส : เมื่อมีดราม่าไข่เจียวเจ๊ขึ้นราคาหลังได้รางวัล เจ๊แจงทันทีว่าขายราคานี้มานานก่อนได้มิชลินสตาร์ ความจริงเรื่องเจ๊ไม่ฉวยโอกาสนี้ทำให้ดราม่าสงบได้ แถมยังมีการโฆษณาแถมให้เจ๊ในหลายสื่อว่าที่ต้องขายราคา 800-1,000 บาทเป็นเพราะใช้ปูเนื้อแน่น 300 กรัม
8 อดทน : เจ๊ไฝถูกบรรยายว่าเป็นเชฟที่ทุ่มเทให้การปรุงอาหารทุกจาน เธอต้องยืนหน้าเตาถ่าน เปลวไฟที่ทำให้น้ำมันเดือดไม่ได้ทำให้เธอท้อถอยเลยตลอด 35 ปี ปีละ 365 วัน วันละ 10 ชั่วโมง
9 อย่ากลัวที่จะแพง : ราคาอาหารร้านเจ๊ไฝเริ่มที่ 200 บาท นั่นคือข้าวผัดหมู ส่วนราคาแพงที่สุดคือ 10,000 อย่างราดหน้าหอยเป๋าฮือ
10 อย่ากลัวที่จะถูก : แม้เจ๊ไฝจะประสบความสำเร็จมากมาย แต่มีหลายคนที่ตัดสินใจไม่กลับไปกินอาหารของเจ๊ไฝอีก แม้จะรู้ว่าอาหารอร่อยและคุณภาพดี แต่รอให้มีคนมาเลี้ยงก่อนค่อยไป ระหว่างนี้กินไข่เจียวปูอัดไปก่อนก็แล้วกัน