นโยบายจัดส่งสินค้าภายในวันเดียวหรือ 1-Day Shipping แก่สมาชิกบริการ Amazon Prime กำลังส่งผลทำให้กำไรไตรมาส 2 ของ Amazon หดตัวชัดเจนเป็นประวัติการณ์ แม้จะยอมรับว่าภาวะนี้ทำให้หลายฝ่ายตกใจ แต่ก็เป็นภาวะที่ Amazon รู้ดีและพยายามส่งสัญญาณมาก่อนหน้านี้แล้ว ถือเป็นภาวะสำคัญที่คนในวงการอีคอมเมิร์ซกำลังจับตามองใกล้ชิด
Amazon นั้นพยายามเตือนนักลงทุนแล้ว ด้วยการประกาศตั้งแต่เมษายนที่ผ่านมา ว่าการลงทุนเพื่อจัดส่งสินค้าในหนึ่งวัน 1-Day Shipping มีต้นทุนค่าใช้จ่ายมากกว่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นงบที่ได้วางแผนใช้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2019 เมื่อถึงเวลาจริง Brian Olsavsky หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Amazon (CFO) กล่าวในการรายงานตัวเลขรายได้เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2019 ที่ผ่านมาว่างบประมาณสูงลิ่วสร้างความ “ตกใจ” ให้กับระบบ แต่ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแผนที่วางไว้ และคาดหวังว่าบริษัทจะทำงานตามแผนต่อไปอีกหลายไตรมาส ซึ่งเมื่อทุกอย่างอยู่ตัว บริษัทก็จะสามารถบริหารต้นทุนได้ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
Olsavsky บอกอีกว่า Amazon กำลังกำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง เพื่อให้ 1-day shipping เป็นมาตรฐานของวงการอีคอมเมิร์ซประเทศอื่นนอกสหรัฐอเมริกา โดย Amazon คาดว่า 1-day shipping จะเป็นตัวเลือกเพื่อให้บริการแก่สมาชิกในประเทศอเมริกาเหนือและประเทศอื่นๆในไตรมาสต่อ ๆ ไป
1-Day Shipping ต้องมา!!
ความมั่นใจของ Amazon เรื่อง 1-day shipping นั้นมาจากความนิยมของผู้ใช้ ซึ่งสถิติล่าสุดพบว่า Amazon ต้องจัดส่งสินค้าแบบ 1-day shipping มากกว่า 10 ล้านรายการให้สมาชิก Prime ที่ยอมจ่ายเงิน 119 เหรียญสหรัฐต่อปี (ราว 3,600 บาท) เพื่อให้สามารถรับสินค้าที่สั่งซื้อออนไลน์ได้ใน 24 ชั่วโมง แม้จะมีค่าใช้จ่าย แต่การส่งมอบแบบทันใจนั้นดูเหมือนว่าจะโดนใจนักช็อป ทั้งหมดนี้ทำให้ Amazon มองว่าลูกค้าตอบสนองต่อนโยบายของ Prime เรื่อง 1-day shipping อย่างจริงจัง
ผลตอบรับในเชิงบวก ทำให้ Amazon เห็นการเติบโตของยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Amazon กล่าวในแถลงการณ์ ท่ามกลางสายตาของนักสังเกตการณ์ที่ยอมรับว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นวิธีที่ชาญฉลาด ที่ Amazon ใช้เพื่อรักษาความภักดีจากลูกค้ารายย่อย ให้ซื้อสินค้ากับ Amazon แบบต่อเนื่องโดยไม่หลงไปที่ Walmart หรือ Target
พลังของ 1-day shipping ทำให้ Walmart และ Target รวมถึงคู่แข่งรายอื่นพยายามเร่งการจัดส่งสินค้าให้เร็วขึ้นเช่นกัน แต่ด้วยทุนที่สูง ทำให้คู่แข่งไม่สามารถขยายพื้นที่ 1-day shipping ได้เหมือนที่ Amazon ทำได้กว้างกว่า ทำให้ Walmart และ Target ต้องเป็นเบอร์รองต่อไปเพราะ Dan Ives นักวิเคราะห์ Wedbush อธิบายว่าสมาชิก Prime มีค่าเฉลี่ยยอดซื้อสินค้ามากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้เป็นสมาชิก Prime และสมาชิก Prime หลายคนมองว่าการเป็นสมาชิก Prime นั้นเป็นบริการพื้นฐานไม่ต่างอะไรกับปัจจัย 4 เช่น อาหาร และน้ำดื่ม
ในภาพรวม การอัดฉีด 1-day shipping เพื่อขยายฐานสมาชิก Prime มีส่วนช่วยให้ Amazon มีกำไรในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผลกำไรของ Amazon ลดลงมาแตะระดับ 2,630 ล้านเหรียญในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (สิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2019) พลาดเป้าผลคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ที่มองว่า Amazon ควรทำได้ 2,800 ล้านเหรียญ
สำหรับไตรมาสถัดไป คงต้องลุ้นกันว่า 1-day shipping จะส่งพลังให้ Amazon แซงคู่แข่งได้ขนาดไหน.
ที่มา: : ABC