ก่อนหน้านี้ กรุงไทยมีเน็ตแบงค์ออกมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความเป็นดิจิทัลแล้ว ผ่านพรีเซนเตอร์ฝีปากกล้าอย่าง วู้ดดี้ มิลินทจินดา มาคราวนี้ออกแอปใหม่ท่ีชื่อ “กรุงไทย NEXT” ซึ่งจะสื่อสารผ่านพรีเซนเตอร์คนดังอย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ หวังว่าจะเข้าถึงลูกค้ากลุ่มแฟนคลับทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดได้มากขึ้น เพราะณเดชน์ กำลังขึ้นหม้อจากกระแสภาพยนตร์ นาคี 2 ในขณะนี้
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เล่าว่า การให้บริการของธนาคารได้พัฒนาจากยุค Internet Banking สู่ยุค Mobile Banking ลูกค้าทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking มากขึ้น
จากเน็ตแบงค์สู่โทเทิลแบงค์กิ้ง
โดยในปี พ.ศ. 2561 คนไทยทำธุรกรรมทั้งการโอนเงินและชำระเงินค่าบริการต่างๆ ผ่าน Mobile Banking เพิ่มขึ้นเป็น 37.9 ล้านบัญชี แต่ยังมีประชากรไทยจำนวนมากในภูมิภาคทั่วประเทศ ที่เข้าไม่ถึงการทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking เพราะไม่เข้าใจเทคโนโลยี มองว่าใช้ยาก และไม่กล้าใช้งาน
อีกทั้งการทำธุรกรรมจ่ายเงินบน Mobile Banking ในปัจจุบันยังไม่ครอบคลุมในทุกช่องทาง จึงยังคงใช้บริการ โอน เติม จ่าย ผ่านสาขาและตู้เอทีเอ็ม
ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนของประเทศไทย มุ่งมั่นในการยกระดับความเป็นอยู่และการทำธุรกรรมของผู้บริโภคทั่วทุกภูมิภาคให้สะดวกสบาย ร่วมผลักดันนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของภาครัฐที่ต้องการวางโครงสร้างพื้นฐานอิเล็กทรอนิกส์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
รวมทั้งการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่สังคมไร้เงินสด จึงได้ประกาศยุทธศาสตร์ดิจิทัล สู่การเป็นธนาคารแรกในประเทศไทยที่จะก้าวสู่ Invisible Banking อย่างเต็มตัว
โดยวางโพสิชั่นเป็น “ธุรกรรมในอากาศ” ติดตัวและเคลื่อนที่ไปกับลูกค้าในการทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยการพลิกโฉม Mobile Banking ที่ครบวงจร ครบครัน และสมบูรณ์มากขึ้น และได้เปิดตัวแอป “กรุงไทย NEXT” ที่สะดวกสบาย รวดเร็ว ปลอดภัย พร้อมให้บริการทางการเงินที่ครอบคลุมที่สุดในประเทศไทย กับประชาชนในทุกพื้นที่ของประเทศ
งบหมื่นล้านเป็นจุดเริ่มต้น
การลงทุนครั้งใหญ่นี้ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการนำ Mobile Banking เข้าสู่ประชากรฐานราก ยกระดับอุตสาหกรรม Mobile Banking สู่โครงสร้างระดับมหภาคอย่างแท้จริง
“สำหรับงบ 1 หมื่นล้านบาท ในการทำระบบใหม่ในครั้งนี้ถือว่าเหมาะสม เพราะไม่ใช่แค่แอปที่ใช้โอน หรือจ่ายเงินเท่านั้น แต่เป็นการนำเรื่องของ AI และ Matchine Learning เข้ามาวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าด้วย”
ปัจจุบันธนาคารมีฐานลูกค้ากว่า 30 ล้านบัญชีทั่วประเทศ มีกลุ่มผู้ใช้งาน Mobile Banking มากกว่า 5 ล้านราย หลังเปิดตัวแอป “กรุงไทย NEXT” คาดว่าจะมีผู้ใช้งาน 10 ล้านคน ภายในปี 2562
“เน็ตแบงค์แบบเดิมก็ยังมีอยู่เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้ากลุ่มเก่าที่เป็นผู้สูงวัย และไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยีใหม่ที่เปลี่ยนทันทีให้ยังใช้งานได้ตามเดิม”
ปีหน้าก็ยังไม่หยุดลงทุน
นายผยง ยังย้ำชัดว่า การเดินหน้าดิจิทัลแบงค์กิ้งครั้งนี้ไม่ได้หยุดแค่หมื่นล้านแรก แต่ปีหน้าก็ใช้งบเท่ากันนี้ เดินหน้านวัตกรรมให้มากขึ้น เพื่อผสานการทำงานแบบออมนิแชนแนลให้เกิดขึ้นในธนาคารของรัฐให้ได้
“เพราะโมบายแอพพลิเคชั่นจะเป็นโอกาสของคนในโลกอนาคต เราจะอยู่เฉยๆ ให้โลก Disrupt อีกไม่ได้ แต่เราก็เปลี่ยนตัวเองไปแบบ 180 องศาไม่ได้เช่นกัน กรุงไทยจึงเดินหน้าแบบผสมผสานและไม่ช้า เพื่อไม่ให้เสียโอกาสเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม”
สิ่งที่จะเห็นในปีหน้าคือเทคโนโลยีแบบเต็มที่ทั้งเรื่องการทำ Workforce, Network โดยจะมองการลงทุนแบบทันท่วงทีไม่รอแผนระยะยาวแล้ว แต่จะดูความเคลื่อนไหวรอบด้านและปรับเปลื่ยนทุก 3-6 เดือน เช่น สาขา ถ้าอันไหนไม่จำเป็นก็อาจจะปิด หรือจุดไหนมีความต้องการดิจิทัลมากกว่า ก็มุ่งไปเลย จะปรับให้ยืดหยุ่นและไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกแย่อีก จะสร้างภาพลักษณ์ของธนาคารให้ทันสมัยและตรงกับความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด
“เรากำลังเดินหน้า S Curve Driver ให้กรุงไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า ไม่เน้นเรื่องของกำไรแต่มองเรื่องความยั่งยืน รักษาโมเมนตัมให้โตไปพร้อมกับเศรษฐกิจมหภาค เชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะเป็นกลไกและเฟรมเวิร์คที่ช่วยให้กรุงไทยเติบโตอย่างยั่งยืน”
กรุงไทยNEXT ตอบโจทย์อะไรบ้าง
- Platform ใหม่ เป็นแบบ Micro Service ทำให้การทำงานของแอปรวดเร็วขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น ไม่ซับซ้อน
- Product มีความปลอดภัยและเสถียรมาก
- Process การจ่ายค่าบริการที่ครอบคลุมที่สุด
โดย “กรุงไทย NEXT” มีการปรับเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมด ทั้ง Backend และ Frontend ปรับโฉม User Interface ให้เป็นสีฟ้าสวยสดใส ลดขั้นตอนการใช้งาน และดึงฟังก์ชั่นโอน เติม จ่าย มาไว้ที่หน้าแรก ด้วยฟีเจอร์หลัก
- โอนเงิน ที่ใช้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และไม่เสียค่าธรรมเนียมทั้งโอนข้ามเขตและโอนต่างธนาคาร ยกระดับความปลอดภัยมั่นใจทุกครั้งที่โอน
- เติมเงิน สามารถเติมเงินค่าโทรศัพท์เอไอเอส ทรู, ดีแทค, My By CAT, Easy Pass และ M-PASS
- จ่ายเงิน ที่มีเน็ตเวิร์คการทำธุรกรรมการเงินที่ครอบคลุมที่สุดในประเทศไทย ทั้งช่องทางภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน เช่น การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าภูมิภาค การประปานครหลวง การประปาภูมิภาค (การไฟฟ้าภูมิภาคและการประปาภูมิภาคจ่ายได้ต้นเดือนพฤศจิกายนนี้) ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ บริการรับชำระค่าปรับจราจร กรมขนส่ง กรมธนารักษ์ กรมสรรพสามิต ชำระหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กสท โทรคมนาคม และบริการอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์เสริมที่หาที่อื่นไม่ได้ ได้แก่ Krungthai Travel Card ฟีเจอร์แรกและฟีเจอร์เดียวที่ลูกค้าสามารถแลกเงินตราต่างประเทศผ่านแอป “กรุงไทย NEXT” ด้วยตนเองเก็บไว้ได้ก่อนการเดินทาง ในอัตราที่พิเศษกว่าในท้องตลาดได้ถึง 10 สกุลเงิน ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร ปอนด์ เงินเยน ดอลลาร์ฮ่องกง ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์สิงคโปร์ ดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และฟรังก์สวิส ทำให้ไม่ต้องพกเงินสด พร้อมดูอัตราแลกเปลี่ยนและแลกเงินเพิ่มเติมได้ง่ายๆ ตลอด 24 ชั่วโมง
อีกทั้งยังสามารถแลกกลับเป็นเงินไทยในอัตราที่ดี ไม่มีค่าธรรมเนียมแลกเงินและรูดบัตร e-Donation หรือ “กรุงไทย เติมบุญ” สามารถบริจาคเงิน ให้กับหน่วยงานรับบริจาคมากที่สุดทั้งวัด โรงพยาบาล มูลนิธิ สถานศึกษา มัสยิด และองค์กรสาธารณกุศล กว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมและรับใบอนุโมทนาบุญอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที พร้อมส่งข้อมูลการบริจาคให้กรมสรรพากรสำหรับการลดหย่อนภาษี
นอกจากนี้ ยังรับซื้อ–จองสลากกินแบ่งรัฐบาล และ Money Connect by Krungthai บริการรับจองซื้อหลักทรัพย์ออนไลน์ รวมทั้งซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด พร้อมรับใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาท โดยข้อมูลจะถูกส่งไปที่กรมสรรพกรอัตโนมัติ
การเพิ่มความสะดวกแก่ประชาชนได้ครบวงจรแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ช่วยให้ประชาชนใช้ชีวิตการเงินได้ง่ายขึ้น และเป็นการนำบิ๊กดาต้าของลูกค้ามาใช้ได้เกิดประโยชน์เพราะรู้ว่าบริการใดที่ลูกค้าต้องการ จึงออกแบบมาหลากหลายจริงๆ
ลองดูวิธีการสมัครกันค่ะ