Site icon Thumbsup

3 หนังสือที่นักการตลาดควรอ่านในมุมมองของ อ๋อง ผรินทร์ จาก Nasket

อ๋อง-ผรินทร์ สงฆ์ประชา ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของบริษัท Nasket ผู้ผลิตจออัจฉริยะที่ที่คว้ารางวัลออกแบบระดับโลก  ได้มาแนะนำหนังสือการตลาดที่น่าสนใจ  ซึ่งตัวเขาได้อ่านและนำมาใช้จริงให้กับเพื่อนๆ ชาว Thumbsup ได้ลองมาอ่านกัน

1. Marketing Management คลิกเลย

เขียนโดย: Philip Cotler

เป็นเล่มที่คนเรียน MBA ทุกคนน่าจะเคยผ่านตามา เพราะเป็น Textbook ที่ทุกคนต้องเรียน และเป็นรากฐานของการตลาดจริงๆ ถึงเล่มนี้เป็นหนังสือที่ออกมานานแล้ว แต่ก็ยังใช้ได้จริงเสมอ  เพราะ “แก่น” นั้นไม่เปลี่ยนไป เพียงแต่นักการตลาดที่อ่านต้องเข้าใจแก่นหรือเนื้อหาหลักก่อน จากนั้นก็เอามาใช้ประโยชน์ให้ถูกต้อง เช่น ในปัจจุบันที่มีคนชอบบอกกันว่าตอนนี้ 4P (Product, Price, Place, Promotion) นั้นไม่พอเเล้ว

แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้าคุณแม่นยำใน 4P แล้ว อย่างบริษัท Nasket ก็แม่น 4P  ซึ่งมันก็ใช้ได้ผลนะ เพราะทำให้เราหาตลาด โปรดักซ์ ช่องทางการขาย ได้ถูกต้อง และสามารถทำโฆษณาให้ออกมาโดนใจกลุ่มลูกค้าได้ เรียกได้ว่าถ้าทำข้อพวกนี้ได้มันก็ยังใช้ได้อยู่  เทียบกับตัวเองที่ขนาดทำสินค้าเทคโนโลยีด้วยซ้ำ  ก็ยังสามารถยึดเอาแก่นสารของหนังสือเล่มนี้มาใช้ได้  เพียงแต่อ่านแล้วต้องค่อยจับมาพลิกแพลงให้เข้ากับสินค้าของเรา  หรือพูดอีกได้ว่า “ต่างคนก็ต่างสูตรกัน”

2. Crossing The Chasm

เขียนโดย: Geoffrey A. Moore

เป็นหนังสือยอดฮิตติด Best Selling ของการทำการตลาดสินค้าด้านเทคโนโลยี  โดยความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้คือตีพิมพ์มาตั้งแต่ปี 1991(25 ปี) และป็นหนังสือ Marketing ที่ขายดีสำหรับเมื่อ 25 ปีก่อน  แต่ Nasket นำเอามาใช้ในการทำธุรกิจแล้วได้ผล  เรียกได้ว่าเป็นการนำมาทำตามแบบ Step by step เลย  ยกตัวอย่างสิ่งที่นำเอามาใช้จากหนังสือแล้วได้ผลจริง เช่น การสินค้าเทคโนโลยีในหนังสือเล่มนี้บอกว่าจะไม่ให้ขายแบบสะเปะสะปะ

แต่ช่วงแรกจะให้ขายกับกลุ่มลูกค้าที่มี Impact สูงสุดก่อน  โดยต้องอดทนเพื่อขายกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ให้ได้ก่อน  จากนั้นเมื่อขายได้ก็จะเป็นเหมือนคลื่นไปดึงลูกค้ากลุ่มอื่นให้กลับมาซื้อเอง  ในช่วงแรกๆ Nasket ก็มีลูกค้าอยากที่อยากจะซื้อ  แต่ก็อดทนเอาไว้ยังไม่ขายก่อน  และผลจากการอดทนทำให้ในปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าเจ้าใหญ่อย่าง Ananda, Sansiri, SC Asset , All insprie  ซึ่งลูกค้าเหล่านี้ทุกคนเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง

ถึงแม้ว่าการจะทำให้ลุกค้าเหล่านี้มาซื้อเราได้ในช่วงแรกจะเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะต้องไม่ทำตามแนวทางปกติ  คือการขายสินค้าให้กับทุกคนที่มาซื้อ  เพราะจะไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางการตลาดที่ถูกต้อง  ซึ่งพอทำตามแนวทางได้ก่อนก็ทำให้การตลาดในแนวทางที่เหลือนั้นได้ผล  เพราะสามารถขายให้ลูกค้ารายอื่นได้อย่างง่ายดายตามมาในที่สุด

3. re:digital การตลาดยุคใหม่ เจาะใจลูกค้า

เขียนโดย: Online Marketer 16 คน

นักการตลาดควรจะอ่านเล่มนี้  เพราะเป็นการอัปเดต Digital Marketing ที่ครบ จากเหล่ากูรูเรื่อง Digital Marketing 16 คนที่มีประสบการณ์ในวงการ และเป็นหนังสือเล่มล่าสุดที่เป็นการรวมตัวกันเยอะขนาดนี้ โดยเขียนขึ้นเมื่อปี 2016  ซึ่งจนตอนนี้ยังไม่มีหนังสือที่รวมทุกแง่ ทุกมุม และทุกๆ การอัปเดตของ Digital Marketing ครบถ้วนทุกแง่ทุกมุมแบบนี้

เหตุผลที่เเนะนำแบบนี้  เพราะถึงแม้หนังสือแต่ละเล่มจะออกมาสักพักเเล้ว แต่แก่นทุกอย่างในหนังสือก็ยังคงใช้ได้อยู่  โดยมองว่าทุกศาสตร์จะต้องมีการเข้าใจในแก่น  หรือเนื้อหาหลักในเรื่องนั้นๆ ให้ได้เสียก่อน  ซึ่งแก่นของมันจะต้องถูกพิสูจน์ด้วยกาลเวลา  เพราะถ้าแก่นนั้นแท้จริงเวลาก็จะทำอะไรไม่ได้  ดังนั้นหนังสือที่ออกมานานเเล้วยังใช้ได้จริงก็จะเป็นหนังสือที่ไม่ได้มีแค่เปลือก

Disclaimer : หนังสือ re:digital คือหนังสือที่ อ๋อง ผรินทร์ เป็นนักเขียน

อยากฝากอะไรถึงนักการตลาด

การตลาดคือการสร้างให้เกิดความต้องการขึ้น ดังนั้นนักการตลาดที่ดีควรจะต้องมีส่วนผสมระหว่าง 2 อย่าง คือ การใช้ความรู้สึก และเหตุผลที่พิสูจน์ได้  โดยนักการตลาดทั่วไปมักเน้นหนักไปที่การใช้ความรู้สึก  ซึ่งก็สามารถใช้ได้  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ได้สำหรับลูกค้าทุกคน ดังนั้นนักการตลาดที่เก่งจะต้องใช้ได้ทั้งสองด้าน  จึงจะกลายมาเป็นการทำการตลาดที่สัมฤทธิ์ผล  ไม่ใช่ได้ผลลัพธ์เพียง Awareness เท่านั้น  เพราะเราต้องการได้ทั้ง ยอดขาย, ยอด subscribe รวมไปถึง Brand Awareness ด้วย

ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า Digital Marketing เป็นเพียงแค่การซื้อโฆษณาเท่านั้น แต่หากเข้าใจจริงๆ จะพบว่า Digital Marketing เป็นเพียงแค่เรื่องของ Promotion เท่านั้น โดยการตลาดจริงๆ ต้องประกอบไปทั้ง 4PS  เพื่อให้รู้ครอบคลุมกันทั้ง 4 ด้าน  ซึ่งนักการการตลาดต้องมีทั้ง Hard skill และ Soft skill และอย่าลืมว่าเราจะวัดผลลัพธ์จากตัวเองไม่ได้  เพราะต้องวัดที่ลูกค้าด้วย  เพราะบางครั้งชอบเจอนักการตลาดที่บอกว่าอันนี้มันดีแล้วเจ๋งเเล้ว มันได้รางวัล  แต่ก็ต้องดูว่าลูกค้าชอบและซื้อไหม  เพราะต้องไปวัดกันที่ผลลัพธ์  ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นได้เพียงแค่นักโฆษณา ไม่ใช่นักการตลาด