หลายๆ คนคงทราบแล้วว่า Google มีการปรับอัลกอริธึ่มอยู่เสมอ ล่าสุดก็เห็นได้ชัดว่าคอนเทนต์คุณภาพดีจะได้อยู่ในอันดับสูงๆ และเพื่อให้คุณได้ประโยชน์จากการปรับตัวของ Google อย่างเต็มที่ เราจึงมีบทความมาฝาก มาดูกันว่าคอนเทนต์คุณภาพในสายตาของ Google เป็นอย่างไร
1. เขียนให้ยาวขึ้น
พีอาร์มือโปรหลายๆ คนคุ้นเคยกับคอนเทนต์สั้นๆ เพราะบริการเขียนข่าวแจกมักจะชาร์จค่าจ้างเพิ่ม หากต้องเขียนเกิน 400 คำ (ภาษาอังกฤษ) โดยที่ในตอนนี้ระบบของ Google จะตรวจสอบคอนเทนต์สั้นๆ และสันนิษฐานไว้ก่อนว่ามันไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ผลก็คือคอนเทนต์ที่สั้นกว่าอาจจะไม่ได้อยู่ในอันดับที่ดีกว่า
“มันจึงดีกว่าถ้าคุณจะเขียน Press release ให้ยาวขึ้นอีกนิด” Greg Jarboe นักพีอาร์ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO กล่าว โดยคุณอาจจะเขียน 600 – 800 คำ ไม่ว่าจะเป็น Press release หรือบล็อก แม้แต่ White paper
อย่างไรก็ตาม การเขียนยาวๆ ไม่ได้หมายความว่าจะเขียนวนไปวนมายังไงก็ได้ เพราะในแง่ของคนอ่าน เขาจะจับต้นชนปลายไม่ถูก และในแง่ของ SEO เหตุผลอยู่ที่ข้อ 2
2. ใช้คำพ้องความหมาย
การใช้คำเดิมๆ ซ้ำๆ ไม่ได้ช่วยให้ Google ดันคอนเทนต์นั้นขึ้นไปสูงๆ แต่ตรงกันข้าม มันจะทำให้ Google มองว่าเป็นคอนเทนต์ที่ไม่มีคุณภาพ
ต้องเข้าใจก่อนว่าในทางวรรณศิลป์ ข้อเขียนที่มีการหลากคำ หรือมีรูปประโยคที่หลากหลายแม้จะมีความหมายเดียวกัน ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่งของนักเขียน
เพราะ Google เข้าใจว่าคำพ้องความหมาย หรือ Synonyms คืออะไร Google จะให้คุณค่ากับมัน มองว่ามันคือคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ น่าจะเป็นที่สนใจของคนอ่าน ผลคือมันจะไปอยู่ในอันดับสูงกว่าคอนเทนต์ที่ก๊อปปี้คำเดิมๆ หรือประโยคเดิมๆ เกือบทุกย่อหน้า
3. ใช้รูปภาพและเขียนคำอธิบายรูปภาพ
คุณจะพลาดโอกาสในการใช้ SEO อย่างเต็มประสิทธิภาพทันทีถ้าไม่ได้เพิ่มรูปหรือวิดีโอเข้าไปในคอนเทนต์ จากสถิติพบว่ามากกว่า 55% ของผลการค้นหาใน Google จะรวมเอาวิดีโอเข้ามาด้วย และมากกว่า 40% จะเป็นรูปภาพ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการใช้แคปชั่นหรือคำอธิบายวิดีโอและรูปภาพเหล่านั้น กฏนี้ยังนำไปใช้ได้กับการตั้งชื่อวิดีโอใน YouTube
คำอธิบายรูปภาพหรือวิดีโอเหล่านี้อาจจะยาวได้ถึง 100 คำ
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ยังแนะนำว่า ทักษะในการเขียนของคุณมีความสำคัญมาก เพราะในตอนนี้ Google รับรู้ได้ว่าคอนเทนต์คุณภาพเป็นอย่างไร ดังนั้น เลิกเขียนในสิ่งที่คุณคิดว่า Google ต้องการ และเริ่มเขียนด้วยความสามารถที่มีจะดีกว่า
ที่มา : Entrepreneur