ในปัจจุบัน การใช้งานสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับเทคโนโลยีการชำระเงินที่ก้าวหน้ามากขึ้น กำลังเปลี่ยนทิศทางการทำธุรกิจทั่วโลก และกลายเป็นสิ่งสำคัญแก่ผู้ให้บริการทางการชำระเงินบนมือถือในการติดตามและปรับตัวตามเทรนด์ใหม่ๆ สำหรับเทคโนโลยีมือถือและดิจิทัล ซึ่งการก้าวเข้าสู่ปีระกานี้ เรามี 3 เทรนด์ดิจิทัลที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงบริการทางการเงินบนมือถือมาฝากกันดังนี้
1.เงินเสมือนจริง
การปรากฏตัวของ Bitcoin ในปี 2551 และกลายเป็นสกุลเงินที่เขย่าโลกได้ใน พ.ศ.นี้ เป็นสิ่งที่น่าจับตา เรามีการทำธุรกรรมโดยใช้ Bitcoin เกิดขึ้นมากกว่า 100,000 รายการในแต่ละวัน และปริมาณธุรกรรมได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใต้เทคโนโลยี Blockchain แบบ Peer-to-Peer ซึ่งจัดเก็บข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์ทั่วโลกและได้รับการอัพเดตแบบเรียลไทม์
การใช้งาน Bitcoin เช่น การที่บริษัทญี่ปุ่นเปิดให้ประชาชนใช้ Bitcoin ชำระค่าไฟได้ หรือพนักงานบริษัทเอาท์ซอร์สด้านไอทีของอินเดียที่รับเงินสกุล Bitcoin แทนการโอนเงินแบบปกติที่มีค่าธรรมเนียมสูงกว่า แสดงให้เห็นว่า Bitcoin มีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังพัฒนาเพิ่มมากขึ้น
อีกทั้งประเด็นเรื่องการโอนเงินในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่ได้รับการประเมินจากธนาคารโลกว่ามีการขยายตัวถึง 6.3% หรือคิดเป็นมูลค่า 414 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2015 และจะมีปริมาณสูงถึง 540 พันล้านดอลลาร์ในปลายปี 2016 นั้นได้มีปัญหาติดขัดในเรื่องของขั้นตอนการโอนเงินที่ใช้เวลาถึง 5 -6 วันและเรื่องค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้บริษัทตัวกลางประมาณ 7.6% โดยเฉลี่ย ทำให้ผู้บริโภคน่าจะมองหาวิธีส่งเงินกลับบ้านเกิดที่รวดเร็ว และมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าได้ ซึ่ง Bitcoin กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคกลุ่มนี้
2.Wearable Technology
เรากำลังเข้าสู่ยุคที่การชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนเป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้บริโภคจำนวนมาก ในปัจจุบันผู้ผลิตกำลังมองหาวิธีการปรับเปลี่ยนกระบวนการดังกล่าวไปสู่การใช้ Wearable Technology ผ่านเทคโนโลยี NFC ที่สามารถจ่ายเงินได้แบบ Contactless เช่น นาฬิกาอัจฉริยะ โดยขณะนี้ทั่วโลกได้มีการติดตั้งจุดรับชำระเงินแบบ NFC เพิ่มมากขึ้น และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมบางประเภทก็คาดว่าสมาร์ทโฟนจะสามารถสร้างความโดดเด่นในกระบวนการชำระเงินได้ในอนาคตข้างหน้านี้ด้วย
3.ไบโอเมทริกซ์
ปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากหันมาทำธุรกรรมบนสมาร์ทโฟน ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดน่าจะเป็นการมีระบบรักษาความปลอดภัยรองรับ ซึ่งนั่นอาจเป็นหน้าที่ของไบโอเมทริกซ์ที่จะเข้ามาช่วยในการยืนยันตัวตนลูกค้าแบบอัตโนมัติผ่านคุณลักษณะทางชีวภาพ เช่น การจดจำด้วยเสียงและลักษณะของรูม่านตา ลายนิ้วมือ และรูปแบบการตรวจจับเส้นเลือดบนนิ้วมือ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่ซ้ำกันสำหรับผู้ใช้งานแต่ละคนเพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบ
การก้าวสู่ปี 2560 พร้อมกับ Bitcoin, Wearable Technology และไบโอเมทริกซ์ในฐานะเครื่องมือด้านการทำธุรกรรมทางการเงินจึงมีแนวโน้มว่าจะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาในอุตสาหกรรมนี้อย่างมากนั่นเอง