แชร์รูปสวยๆ เท่ากับ Instagram คิดว่าหลายๆ คนคงจะคิดเหมือนกับผม ด้วยการใช้งานที่ง่ายแต่ความสามารถในการทำรูปเพื่อแชร์ที่นับวันจะยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆ ทำให้จำนวนผู้ใช้งานก็เพิ่มขึ้นตามจนปิดปีด้วยเลข 300 ล้านคนที่เป็นผู้ใช้งานแบบ Active Users ในปี 2014 สำหรับปี 2015 นี้น่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมากบนนี้ ทาง Brandwatch เลยมองเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นบน Instagram สำหรับปี 2015 นี้มาให้อ่านและติดตามกันครับ
ก่อนอื่น มีผลสำรวจเพื่อบอกทิศทางการใช้งานของนักการตลาด พบว่า 42% จะเพิ่มการใช้งาน Instagram ให้มากขึ้น แต่ก็ยังมีอีก 45% ที่ยังไม่คิดจะใช้งาน เลขเหล่านี้น่าจะช่วยกระตุ้นให้ใครที่ยังไม่มีต้องลงมือทำอะไรสักอย่างแล้วนะครับ เพราะ content ที่เป็นรูปภาพและวิดิโอช่วยสื่อสารแบรนด์ของคุณให้ออกมาได้ดีกว่าอะไรในตอนนี้
เอาหล่ะ มาดูกันว่าสิ่งที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง
จำนวนรูปบน Instagram จะเพิ่มขึ้นไปอีก
ต้องบอกว่าเทรนด์นี้ไม่น่าแปลกใจนักด้วยจำนวนผู้ใช้และรูปที่แชร์ที่มันโตขึ้นเรื่อยๆ เป็นปกติอยู่แล้ว แต่มีการศึกษานึงจาก Forrester ที่จะช่วยให้จำนวนรูปและการแชร์เยอะไปอีก เพราะว่า Instagram มี Engagement Rate ต่อคนสูงถึง 4.21% ซึ่งถ้าใครทำการตลาดบนโซเชียลมีเดียต้องบอกว่าตัวเลขนี้สูงมากๆ เพราะทุกวันนี้เราโดนบีบจากการถูกมองเห็นของเจ้าของแพล็ตฟอร์มอยู่แล้ว โดยตัวเลข Engagement Rate ที่มีนั้น ทาง Forrester บอกว่ามันสูงกว่าที่ Facebook มีมากถึง 120 เท่า และ Twitter 58 เท่า
แต่ก็อย่าลืมว่านอกจาก Instagram แล้ว ในแง่ของการแชร์รูปยังมีโซเชียลมีเดียอื่นๆ ที่เป็นแบบเดียวกันก็คือ Vine, Pinterest หรือแม้จะเป็น Snapchat ด้วย แต่บ้านเราคงไม่เกิดเท่า Instagram
อ้อ…มีอันนึงถ้าคุณคิดจะไปลุยตลาดต่างจังหวัดอาจจะต้องจำใจลืม Instagram ไปชั่วขณะ เพราะพวกเขาใช้ SocialCam กันครับ
โฆษณามาเต็มรูปแบบแน่นอน
ไม่มีโฆษณาคงจะไม่ใช่โซเชียลมีเดียนะครับ ปล่อยให้ใช้ฟรีมาก็ต้องถึงเวลาเอาคืนด้วยการสร้างโฆษณา เหมือนกับที่เคยเสนอข่าวไปว่า Instagram เริ่มจะมีโฆษณาแบบเนียนๆ หน้า Feed ทั้งแบบรูปภาพและวิดิโอ ก็จะได้เห็นกันเต็มๆ ในปีนี้
รูปแบบการกำหมดการแสดงผลก็คงไม่ต่างกับเจ้าของอย่าง Facebook นัก เพศ, ประเทศที่อยู่, สถานที่ที่ Tag ในภาพ เป็น 3 ตัวแปรหลักในการ
สิ่งที่จะทำให้การลงโฆษณาที่นี่น่าสนใจก็คงจะเป็นช่องทางการแสดงผลที่ตอนนี้มองได้แค่ว่ามีแต่หน้า Feed อย่างเดียว แต่ในอนาคตเราอาจจะเห็นเหมือนในรูปภาพด้านล่างนี้ก็เป็นได้ มีการจับวัตถุว่าถ่ายอะไร จากนั้นก็แสดงข้อความโฆษณาเพื่อลิงก์ไปยังร้านที่ลงได้ ดูน่าสนใจไม่น้อย แต่ขึ้นอยู่กับว่าคนใช้งานจะทนมองข้อความได้ไหม ขึ้นอยู่กับการออกแบบหล่ะครับ
สงครามวิดิโอสั้น (Micro-Video) IG ก็ยังชนะ
แม้จะมีผู้เล่นมากหน้าหลายตา ทั้ง Vine, Snapchat, Hyperlapse ที่พยายามมาเป็นตัวเลือกให้กับการแชร์วิดิโอสั้น แต่ Instagram ก็ยังคงเป็น Instagram ด้วยจำนวนการใช้งาน, พื้นฐานของจำนวนคนใช้งาน และความสะดวกในการใช้งาน ทุกอย่างล้วนเป็นส่วนผสมให้คู่แข่งรายอื่นๆ ที่มีตามไม่ทัน
สิ่งที่น่าจะทำได้ก็คงเป็นการทำอย่างไรให้วิดิโอหรือเนื้อหาที่อยู่ในนั้นดูน่าสนใจและแตกต่างจากที่มีอยู่
—
สุดท้ายจริงๆ ต่อให้เราจะต้องไปเจอกับคู่แข่งหรือผู้ที่ใช้งานจำนวนมากขึ้น แบรนด์เองก็ควรที่จะค้นหาตัวตนและกำหนดทิศทางให้ชัดเจนเพื่อสร้างอัตลักษณ์บนออนไลน์ให้ผู้คนจำได้ครับ
ที่มา: Brandwatch