ขอเริ่มต้นอย่างเชยๆ ว่า สมัยนี้ Social Media ได้เปลี่ยนวิธีการสื่อสารของคนเราไปเยอะ (และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ นะครับ หรือใครจะเถียง) ดังนั้นในแวดวงนักการตลาดบน Social Media ก็เลยมีความพยายามที่จะเพิ่ม reach ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ด้วยการ “ปั๊ม” จำนวน fan จำนวน follower กัน หรือบางทีก็ถึงขั้นอยากจะเพิ่ม Klout score ให้มันสูงๆ เข้าไว้ แม้มันจะไม่ได้ช่วยให้คุณได้แทรฟฟิคเพิ่มขึ้น หรือทำให้คนหันมาซื้อสินค้าและบริการของคุณ วันนี้เราเลยมาพร้อมกับบทความที่เสนอมุมมองเกี่ยวกับ 3 “อย่า” ในการใช้ Social Media สร้างธุรกิจของคุณ
อย่าที่ 1: อย่าสร้าง Social Media มากเกินไป
บรรดากูรู Social Media ทั่วไปจะบอกว่า คุณควรที่จะช่วงใช้ Twitter, Facebook, Google+, Pinterest, Tumblr รวมถึง Social Media อันอื่นๆ ให้มากเข้าไว้ เพราะมันมีประสิทธิภาพดีและต้นทุนต่ำ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือใครจะไปจัดการมัน? ใครจะคอยตอบคอมเมนต์ ใครจะคอยทำรายงานประจำสัปดาห์? คุณจะทำมันได้ดีทั้งหมดเลยหรือไม่? และแอคเคาท์ไหนที่ลูกค้าของคุณควรจะติดตามไว้เพื่อจะได้โต้ตอบกับคุณ?
เราขอแนะนำว่าคุณควรจะโฟกัสอยู่กับ Social Media ที่สำคัญๆ หรือไม่ก็คุณสามารถดูแลมันได้ดี อย่าพยายามกระจายออกมากเกินไป ในทางกลับกัน แทนที่จะไปสร้าง “ช่องทาง” ไว้เยอะๆ คุณก็ควรจะหันมาใส่ใจกับเนื้อหาดีๆ ของคุณดีกว่า เชน ถ้าคุณอยากจะทำให้คนเข้ามาอ่านบล็อกคุณเยอะๆ คุณก็ควรเขียนบล็อกที่คุณคิดว่ามัน “สุโก้ย” สักอาทิตย์ละครั้ง หรือถ้าคนบนเว็บคุณอาจจะไม่ได้สมัยใหม่ขนาดจะต้องใช้ Pinterest ก็อย่าเพิ่งไปใช้มัน
อย่าที่ 2: อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ จงลงมือทำด้วยตัวเอง
สำนวนไทยที่ว่า “อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ” เป็นเรื่องจริง คล้ายๆ กับการที่คุณเขียนบล็อก หรือพยายามทำ Viral video ขึ้นมาสักตอนหนึ่ง แล้วพยายามเหลือเกินที่จะทำให้คนอื่นกด like กด share เนื้อหาของคุณ ดูพื้นๆ มันเป็นเรื่องดีสำหรับการทำ Social Media Marketing เพราะมันทำให้เนื้อหาที่คุณเตรียมไว้สามารถแพร่กระจายไปถึงกลุ่มเป้าหมายคนใหม่ๆ ได้ รวมทั้งดึงคนกลับมาหาแบรนด์ได้ด้วย แต่การนั่งรอคอยโชคชะตา และหวังว่ามันจะกลายเป็น Viral มันจะกลายเป็น Word of Mouth คนอื่นจะแชร์สิ่งที่คุณเขียน มันไม่ใช่กลยุทธ์ทางการตลาดที่ดี
ในทางกลับกัน มันจะได้ผลดีกว่าไหม? ถ้าหากคุณจะลองพึ่งตัวเองก่อน ด้วยการจดลิสต์ช่องทางการตลาดที่คุณมีอยู่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์, อีเมลที่สมัครรับข่าวสาร ตลอดจนสื่อออฟไลน์ออนไลน์ที่มีทั้งหมด แล้วใช้ช่องทางเหล่านี้ในการประชาสัมพันธ์สิ่งที่คุณอยากสื่อกับลูกค้าออกไปด้วยตัวเองให้มากที่สุด อย่าเพียงส่งลูกค้าไปที่หน้า Homepage หรือ Facebook Page ของคุณ แต่จงส่งลูกค้าไปตรงจุดสำคัญของกลยุทธ์ เช่น ส่งลูกค้าไปที่หน้าที่เปิดให้ดาวน์โหลดคูปองลด 50% หรือมีสิ่งตอบแทนที่ดึงดูดให้คนรู้สึกอยากมีส่วนร่วมกับแคมเปญ คุณจะได้รับผลที่ดีขึ้น
(กรุณาอย่าเข้าใจผิดนะครับว่าการทำเนื้อหาดีๆ แล้วคนจะไม่ช่วยคุณให้ทุกอย่างมัน Go viral แต่จากประสบการณ์แล้ว การทำอะไรที่อยากให้มัน Viral แล้วมันเกิดอาการ “แป้ก” ก็เกิดขึ้นมาแล้วมากมาย ดังนั้นวิธีการเตรียมช่องทางการตลาดของเราไว้แบบที่บทความแนะนำ เป็นแผนสำรองที่ดี)
อย่าที่ 3: อย่าโฟกัสแต่แทคติกง่ายๆ จงเน้นการพัฒนาธุรกิจ
การสร้าง Engagement หรือความน่าติดตามเป็นเรื่องสำคัญในกระบวนการการตลาดสมัยใหม่ แต่การใช้แทคติกอะไรง่ายๆ อย่างการลงไปร่วมวงคุยกับคนอื่นบน Twitter ทิ้งคอมเมนต์ 3 ประโยคใต้บล็อก และเข้าถึงคนแบบ manual ทีละคนๆ นั้นไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว ในทางกลับกันคุณควรจะตั้งจุดยืนของคุณให้ชัดว่าภาพจำของแบรนด์คุณคืออะไร ลูกค้าจะเวียนมาหาคุณได้ที่ไหน อย่างไร
ว่าแต่จะทำได้อย่างไรล่ะ? ถ้าเรายังเป็นบริษัทเล็กหน้าใหม่ คนจะรู้จักหรือ ทำได้ครับ สิ่งที่ต้องทำคือการมุ่งทำพัฒนาธุรกิจ และสร้างพันธมิตรกับคนอื่นๆ? บางทีคุณสามารถไปเสนอเนื้อหาของคุณให้กับบริษัทมีเดียใหญ่ๆ ก็ได้ หรือหาทางทำกิจกรรมร่วมกับองค์กรการกุศลในการแนะนำบริษัทตัวเองก็นับว่ามีประโยชน์ และประหยัดเงินไปได้มาก
เป้าหมายของการพัฒนาธุรกิจออนไลน์ก็คือการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสร้างพันธมิตรกับคนและองค์กรสำคัญๆ มันเป็นเรื่องยากเพราะว่าไม่มีใครมายื่นสคริปต์ให้คุณว่าคุณจะต้องทำอะไรยังไง มันต้องใช้เวลาในการพัฒนาและสั่งสมความน่าเชื่อถือ และหาทางช่วยเหลือกันและกันอย่างเหมาะสม ดังนั้นมันจะไม่ใช่เรื่องที่ทำได้เร็วนัก ไม่ได้อะไรคืนมาในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เชื่อเถอะว่าผลตอบแทนคุ้มค่า และทำให้ธุรกิจคุณเติบโตมากกว่าการแค่ว่ามีคนคุยกับคุณบน Twitter หรือมีคนมาคอมเมนต์ในบล็อกของคุณธรรมดาๆ
ที่มา: Social Media Today