การสำรวจล่าสุดพบว่าการประยุกต์ใช้งานพิมพ์วัตถุ 3 มิติหรือ 3D printing ในอุตสาหกรรมยานยนต์อาจจะสร้างเม็ดเงินสะพัดมากกว่า 1,250 ล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2019 อัตราการเติบโตมากกว่า 5 เท่าตัวในเวลา 5 ปีนี้สะท้อนเทรนด์อนาคตว่าโลกกำลังมีธุรกิจดาวรุ่งเกิดขึ้นอีกดวง
บริษัทวิจัย SmarTech เผยผลวิจัยล่าสุดแก่สำนักข่าว 3D Printing Industry ว่าปัจจุบัน เม็ดเงินสะพัดในวงการงานพิมพ์ 3 มิติของอุตสาหกรรมรถยนต์นั้นมีมูลค่าราว 267 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยแบ่งเป็นงบประมาณสำหรับซื้อฮาร์ดแวร์ 3D printing ราว 168 ล้านเหรียญต่อปี และอีก 99 ล้านเหรียญเป็นงบประมาณสำหรับซื้อวัสดุ
แม้อุตสาหกรรมยานยนต์จะยังไม่พัฒนาถึงขั้นพิมพ์ชิ้นส่วนรถด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทยานยนต์ต้องเทงบประมาณเพื่องานพิมพ์แห่งอนาคตคือการจำลองรถต้นแบบ จุดนี้นักวิเคราะห์ของ SmarTech อย่าง Scott Dunham เชื่อว่าในอนาคต รถต้นแบบที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์ 3 มิติจะมีพัฒนาการจนถึงขั้นสามารถนำมาใช้กับการทดลองเครื่องยนต์ รวมถึงเพื่อสร้างเป็น concept car ก่อนการผลิตจริง เครื่องพิมพ์ 3 มิติในอนาคตอาจมีขนาดใหญ่มากและมีราคาสูง
ปัจจัยเหล่าทำให้มีความชัดเจนว่ามูลค่าเงินสะพัดดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอีก 5 เท่าตัวเป็น 1,250 ล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2019 เท่ากับงานวิจัยชิ้นนี้ฉายภาพรวมชัดเจนว่าบริษัทในอุตสาหกรรมงานพิมพ์ 3 มิติจะสามารถทำเงินมากขึ้นทั้งกลุ่มฮาร์ดแวร์และวัสดุสำหรับพิมพ์แน่นอน
ในรายงานของ 3D Printing Industry มีการอ้างถึงเจ้าพ่อยานยนต์อเมริกันอย่าง Ford ซึ่งปัจจุบันมีการลงทุนสร้างโรงงานเพื่องานพิมพ์ 3D printing ถึง 3 แห่งในสหรัฐฯ และอีก 2 แห่งในยุโรป ขณะเดียวกันก็มีการลงทุนวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจัง ทั้งหมดนี้เพื่อความหวังในการย่นเวลาพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ของ Ford ให้สั้นลงและสามารถวางจำหน่ายได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม อนาคตของงานพิมพ์ 3 มิตินั้นยังมีความท้าทายอยู่ เนื่องจากบริษัททั่วโลกต่างกำลังชั่งใจระหว่างต้นทุนและผลประโยชน์ที่จะได้รับ ซึ่งยังต้องมีการวิเคราะห์และศึกษาให้รอบด้านต่อไป
ที่มา : VentureBeat