ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะกับการเป็นผู้นำ การเป็นผู้นำที่ดีและเป็นที่รักของลูกน้องได้นั้น นับได้ว่าเป็นหนึ่งในจุดแข็งเฉพาะบุคคล แต่ทุกคนสามารถเรียนรู้สิ่งที่จะทำให้เป็นผู้นำที่ดีได้ โดยหลักสำคัญ คือ การมีความเห็นอกเห็นใจต่อลูกน้องของคุณ รวมทั้งต้องมีความเข้าใจพนักงานในทีมว่าเขามีจุดแข็งจุดอ่อนอะไร ซึ่งไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งถามแต่ต้องรู้จักสังเกตและเรียนรู้ลักษณะนิสัยของพวกเขา
และนี่คือ 4 หลักในการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง thumbsup จะมาไกด์แนวทางให้กับผู้นำยุคใหม่กันครับ
- แยกให้ออกระหว่างการเป็นผู้นำกับการบริหารจัดการ
คุณกำลังอยู่ในหน้าที่ “จัดการ” สิ่งต่างๆ เช่น โครงการหรืองบประมาณ หรือคุณกำลังจะ “นำ” ผู้คน
เมื่อคนไม่ใช่เครื่องจักร และพนักงานในทีมก็ไม่ใช่คนที่ต้องคอยสแตนบายความต้องการของคุณตลอดเวลา ดังนั้น ทักษะที่จำเป็นต่อการเป็นผู้จัดการที่ดีนั้น จึงควรแตกต่างจากการเป็นผู้นำที่ดี
เพราะผู้คนต้องการคำอธิบายที่มากกว่าคำสั่ง พวกเขาต้องการ การแนะนำหรือคำพูดที่จะทำให้พวกเขารู้สึกคล้อยตาม ไม่ใช่ “คำสั่งที่เด็ดขาด” จนเหมือนกับว่าพวกเขากำลังเป็นหนึ่งในเครื่องจักรของบริษัท รวมทั้งพวกเขาก็ต้องการที่จะรู้ด้วยว่าสิ่งที่พวกเขากำลังลงมือทำตามคำสั่งนั้น จะเดินไปทิศทางไปทางไหน ส่งผลดีมากน้อยต่อองค์กรเพียงใด
ดังนั้น การเป็นผู้นำที่ดี ต้องมีการบริหารจัดการกับความต้องการของผู้คน แจ้งสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับรู้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำคืออะไร และจะมีทิศทางไปทางใด ไม่ใช่การปิดหูปิดตาหรือใช้คำพูดทำร้ายจิตใจว่าให้ทำตามคำสั่งก็พอ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับได้กับสิ่งที่กำลังทำอยู่แบบไม่มี “เป้าหมาย” ใดๆ
- เป็นผู้นำก็ต้องเรียนรู้ที่จะรับใช้ผู้อื่นด้วย
ไม่ว่าตำแหน่งของคุณจะขึ้นสูงไปถึงระดับใด แต่สิ่งที่ความเป็นผู้นำของคุณ จะสามารถซื้อใจลูกน้องหรือทีมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแท้จริงนั้น คือ ความเข้าใจกระบวนการทำงานทุกอย่างถ่องแท้ด้วยตัวเองเสียก่อน จริงอยู่ว่าคนเราอาจไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง แต่อย่างน้อย “ผู้นำ” ก็ควรจะเป็นคนที่รับรู้ถึงปัญหา เข้าใจในแนวทางการแก้ไข เรียนรู้เครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขก่อนที่จะเป็นคนอธิบายให้ทีม
แม้ว่าคุณจะไม่เข้าใจโซลูชั่นในการแก้ไขปัญหาทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ต้อง “รับรู้ไปด้วยกัน” กับทีม และเมื่อลูกน้องมีข้อสงสัยในจุดใด ก็ต้องหาทางออก หรือช่วยเหลือพวกเขาได้ นั่นถึงจะเรียกว่าเป็นผู้นำที่สร้างความเข้าอกเข้าใจในทีม
ดังนั้น สิ่งที่ผู้นำต้องทำคือ “ลดอีโก้” ของความเป็นผู้นำ เพื่อสร้างความเข้าใจถึงกันในทีม และทีมก็จะร่วมมือกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งผู้นำที่ดีต้องไม่กลัวคนที่เก่งกว่าตัวเอง แต่ต้องผลักดันให้พวกเขามีโอกาสเติบโตและพัฒนามากข้ึน รวมทั้งเมื่อพวกเขาต้องการลาออกไปเดินในเส้นทางใหม่ๆ ก็ต้องพร้อมสนับสนุนให้พวกเขาได้ทำในสิ่งที่ต้องการด้วย
- ผู้นำต้องสื่อสารอย่างถูกต้องแม่นยำ
การสื่อสารกับสมาชิกภายในทีมเป็นประจำจะช่วยให้ทีมยังรักษาความสัมพันธ์ที่ดี ยิ่งในยุคปัจจุบันที่ระยะการทำงานห่างไกลกันมากยิ่งขึ้น ทำให้แนวคิดการกลับไปเจอกันที่ออฟฟิศกลายเป็นความต้องการที่น้อยลงของพนักงาน
ดังนั้น ผู้นำที่ดีต้องมีการแชร์เรื่องราวต่างๆ หรือความเคลื่อนไหวของสมาชิกในทีมให้คนอื่นๆ ได้ฟังบ้าง เช่น วิสัยทัศน์ขององค์กรในตอนนี้เป็นอย่างไร ทิศทางที่บริษัทจะเดินหน้าต่อไป โครงการที่จะทำในอนาคต หรือสมาชิกในทีมมีความเคลื่อนไหวอย่างไร แต่จะต้องระวังไม่ให้เป็นเรื่องที่ส่วนตัวมากๆ รวมทั้งต้องขออนุญาตบุคคลที่เราจะกล่าวถึงก่อนเพื่อให้พวกเขาได้รับรู้และไม่รู้สึกถูกกลั่นแกล้งกลางที่ประชุมเพื่อให้คนอื่นๆ ในทีมรู้สึกว่า หากเราพัฒนามากขึ้นก็จะได้รับการยอมรับจากหัวหน้าเช่นเดียวกับเพื่อนๆ เพื่อเป็นแรงกระตุ้นในการทำงาน
นอกจากนี้ ผู้นำควรมีการเปิดกว้างให้สมาชิกในทีมได้แลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูล หรือเรื่องราวต่างๆ ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวที่แชร์ได้ เพื่อให้พวกเขารู้สึกถึงความเป็นทีมที่เห็นอกเห็นใจและเข้าใจกัน ไม่รู้สึกว่าตนเองกำลังทำงานอย่างโดดเดี่ยวมากเกินไปนัก เพราะคนทำงานยุคใหม่มีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้ากันสูง เพราะไม่สามารถพูดคุยหรือบอกเล่าเรื่องราวของตนเองกับใครได้ “ผู้นำหรือหัวหน้า” จะสามารถเข้ามาเยียวยาหรือซัพพอร์ตพนักงานในส่วนนี้ได้เช่นกัน เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีในทีม
- รู้จักและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
นอกจากการที่ผู้นำต้องเพิ่มความรู้ในการทำงานแล้ว ก็ยังต้องรู้จักหาความรู้ใหม่ๆ ในการพัฒนาตนเองอยู่เสมอไปพร้อมกันด้วย เพราะมีเรื่องราวมากมายที่คนเราต้องทำความเข้าใจในหลายๆ ด้าน หากคุณยังรู้สึกว่าตนเองไม่เก่งพอในบางเรื่อง อาจเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ในสายงานตนเองเท่านั้น อาจจะเป็นหลักการ เทคนิค เทคโนโลยีหรือเทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน
เผื่อว่าวันหนึ่งคุณอาจจะต้องเป็นที่พึ่งให้แก่ทีม การหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ นอกจากจะเพื่อจัดการกับงานที่จำเป็นต่อการเดินหน้าทีมไปสู่ความสำเร็จแล้ว ก็ยังเป็นการเพิ่มทักษะและมุมมองใหม่ๆ ที่หลากหลายไปพร้อมกันด้วย
การเป็นผู้นำที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ยาก หากคุณรู้จักเปลี่ยนมุมมองของตนเองให้กว้างขึ้นไม่จำเป็นต้องทำแบบเดียวกับคนรุ่นก่อนๆ ที่เคยทำมา แต่เรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเองให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม พัฒนาหัวใจให้เป็นคนที่รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่นบ้าง รวมทั้งรู้จักที่จะเข้าใจมุมมองของคนอื่น รับฟังความคิดเห็นใหม่ๆ ไม่ใช่ให้คนอื่นต้องมารองรับอารมณ์ของคุณ จนคุณกลายเป็นหัวหน้าที่ (ไม่) น่ารัก ของทีม