แม้หลายแบรนด์จะเห็นความสำคัญในการทำ Content Marketing แต่ถ้ายังทำหรือมีความเชื่อแบบผิดๆ ผลลัพธ์ที่ต้องการคงมาไม่ถึงสักที
บทความที่จะพูดถึงนี้คือ 5 ความคิดผิดๆ ในการทำ Content Marketing และวิธีการแก้ไขมันซะใหม่
1. คิดว่า Content Marketing ไม่ใช่เรื่องของเรา
การที่แบรนด์ของคุณไม่ได้เป็นธุรกิจระดับพันล้าน หรือธุรกิจข้ามชาติ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ได้ประโยชน์จากมัน จริงๆ แล้วการทำ Content Marketing สามารถทำได้กับทุกประเภทธุรกิจ และทุกขนาดโดยเฉพาะเมื่อทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย
โซเชียลมีเดียให้โอกาสแบรนด์ในการพูดคุยกับกลุ่มเป้าหมายที่สนใจสินค้าของเรา ทำให้นักการตลาดสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ และบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ซึ่งการเล่าเรื่องคือหัวใจสำคัญ เพราะมันคือด่านแรกในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ของเรา
เมื่อใดก็ตามที่แบรนด์ทำสำเร็จ ก็เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าซื้อแบรนด์ของเราเมื่อต้องการซื้อ หรือกลับมาดูข้อมูลเมื่อสนใจ แต่ถ้าทำไม่สำเร็จก็เท่ากับว่าเสียโอกาสนั้นไปให้คู่แข่ง
2. ตั้งข้อสมมติเอาเอง
แบรนด์ไหนที่แชร์คอนเทนต์จำนวนมาก โดยไม่รู้ว่าอันไหนที่ส่งผลดีต่อยอดขาย หรือมี engagement ที่ดี ให้ตัดแต้มตัวเองเดี๋ยวนี้ ! การทำตามสัญชาตญาณหรือคิดว่า ‘ไปตายเอาดาบหน้า’ ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำในการทำ Content Marketing เพราะลูกค้าสมัยใหม่ไม่ได้ต้องการอะไรที่เหมือนๆ กับคนอื่น แต่ต้องเป็นอะไรที่เฉพาะสำหรับเขาคนเดียว
การจะเรียนรู้ความรู้สึกนึกคิดของผู้บริโภคให้ลึกซึ้ง อาจจะต้องใช้ซอฟต์แวร์ social listening ช่วยแบ่งกลุ่มเป้าหมายของเราให้เล็กลงไปตามความสนใจของแต่ละกลุ่ม เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับกลุ่มความสนใจได้ลึกยิ่งขึ้น อย่าเสียเวลากับการผลิตคอนเทนต์จำนวนมาก แต่ให้ความสำคัญกับคุณภาพในการพูดให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
3. ลืมการทำ SEO
Google มีการให้คะแนนคุณภาพแต่ละเว็บไซต์ ในการที่จะสามารถให้คนค้นหาแล้วพบเว็บนั้น ดังนั้นคอนเทนต์ก็ควรจะทำเพื่อให้ Google ค้นหาแล้วพบแบรนด์ของเรา ถ้ารู้แล้วว่าคำไหนทำแล้วเพิ่มจำนวนการเข้าเว็บไซต์ได้ ก็ควรจะสร้างคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับคำนั้นให้มากขึ้น หรือถ้ายังไม่รู้จักการทำ SEO ก็ต้องเริ่มศึกษาได้แล้ว
4. คิดว่าแบรนด์ต้องทำคอนเทนต์เอง
การทำให้คอนเทนต์สดใหม่อยู่เสมอเป็นเรื่องที่ท้าทาย และใช้เวลา ดังนั้นบริษัทเล็กๆ จึงคิดว่ามันเป็นเรื่องยาก แต่ในความจริงแล้ว คุณสามารถใช้ตัวช่วยได้ ไม่ว่าจะเป็นบล็อกเกอร์ต่างๆ ที่พร้อมจะรับจ้างผลิตคอนเทนต์ หรือการให้ลูกค้าของเราเองช่วยผลิตคอนเทนต์ ซึ่งไม่ใช่แต่จะช่วยให้มีคอนเทนต์มากขึ้น แต่ยังช่วยให้คอนเทนต์มีประสิทธิภาพได้ด้วยเช่นกัน
5. คิดว่าวิดีโอไม่ใช่คอนเทนต์
ทำความเข้าใจใหม่ว่า ‘คอนเทนต์ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นรูปภาพ’ ในความเป็นจริงนั้นวิดีโอได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์และแบรนด์ก็ควรจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้
สังเกตง่ายๆ ตามไทม์ไลน์ของเราทุกวันนี้จะแสดงผลวิดีโอมากขึ้น นอกจากนี้ยังฟีเจอร์ใหม่ๆ (ซึ่งถ้าพูดกันตรงๆ ก็ไม่ค่อยใหม่แล้ว) อย่างการทำ live ซึ่งเป็นการยกระดับการแสดงผลที่เป็นพวกวิดีโอ ให้คนดูรู้สึกว่าแม้ภาพจะไม่ได้เนียบนิ้งแต่คนก็โอเคที่จะดู
ถึงอย่างนั้น การรักษาคุณภาพของวิดีโอก็ยังเป็นเรื่องสำคัญอยู่ดี เช่น ควบคุมแสงให้เพียงพอ ไม่ให้มีเสียงรบกวนมากเกินไป และเขียนบทให้ดี ทำให้ดูประดิดประดอยน้อยลง หรือพูดง่ายๆ คือเป็นมนุษย์มากขึ้น
ทุกวันนี้มีวิดีโอใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งยอดวิว และยอดแชร์ ดังนั้นแบรนด์ไหนที่มีงบประมาณและอยากเพิ่มยอด engagement การทำวิดีโอจึงถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
ที่มา : SocialTimes