ด้วยจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 1500 ล้านคน Facebook จึงเป็นแพลตฟอร์มที่นักการตลาดวางไว้เป็นเป้าหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งดูจากสถิติในช่วง 2-3 ปีมานี้ ก็จะเห็นว่าอายุเฉลี่ยของผู้ใช้งานค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งมีความหมายว่ามีคนจำนวนมากที่มีเงินอยู่ในมือและพร้อมที่จะตัดสินใจซื้ออยู่ตลอดเวลา ต่างจากกลุ่มเด็กและวัยรุ่นที่ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นโอกาสมองของนักการตลาดและนักขายออนไลน์ที่จะเพิ่มยอดขายและหาลูกค้ารายใหม่ๆ บน Facebook อย่างไรก็ตาม นอกจากจะต้องมีผลิตภัณฑ์ที่ดีแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าคุณจะประสบความสำเร็จในการขายผ่านช่องทาง Facebook หรือไม่ก็คือ “กลยุทธ์” ซึ่งบทความจาก Social Media Explorer ชิ้นนี้ได้สรุปองค์ประกอบ 5 อย่างที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ มีดังนี้ค่ะ
1. คอนเทนต์คุณภาพสูง
ในโลกของ Social Media เราเชื่อกันว่า Content is King แต่ประเภทของคอนเทนต์ที่จะเวิร์คใน Facebook จะต้องมีลักษณะเฉพาะตัวตามธรรมชาติของมันและพฤติกรรมผู้ใช้งาน ซึ่งจะต้องกระชับ เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย และน่าสนใจพอที่จะทำให้คนแชร์มันออกไป รวมถึงควรจะมี Visual content ด้วย ไม่ว่าจะเป็น meme, รูปภาพ, วิดีโอ และอินโฟกราฟิก
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่กำลังสร้างคอนเทนต์สำหรับ Facebook ก็อย่าลืมนึกถึงวัตถุประสงค์ด้วย (คือต้องขายของได้นั่นแหละ) คุณจึงต้องนำเสนอคอนเทนต์ที่ทำให้คุณเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เป็นข้อมูลที่มีคุณภาพเกี่ยวกับสินค้าและอุตสาหกรรมของคุณ ซึ่งแปลว่าคุณอาจจะต้องแชร์ผลการวิจัยหรือข้อค้นพบใหม่ๆ บ้าง สลับไปกับประโยชน์ต่างๆ ที่ลูกค้าจะได้รับจากการใช้ผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการอัปเดตข้อมูลที่น่าสนใจให้แฟนเพจทราบอย่างสม่ำเสมอ
2. ทำ Fanpage ให้มีชีวิตชีวาเพื่อสร้างลูกค้าที่มีความจงรักภักดี
แฟนๆ ที่ชอบการมีส่วนร่วมและมี loyalty สูงจะมีความสำคัญเป็นลำดับแรกๆ ในทุกกลยุทธ์การขาย แต่ในกรณีของ Facebook คุณอาจจะต้องพยายามมากขึ้นอีกเล็กน้อยหากจะจับพวกเขาไว้ให้อยู่ เพราะหลายๆ แบรนด์ต่างก็พยายามเข้าหาผู้ใช้งานเพื่อนำเสนอสินค้าตลอดเวลา
กลยุทธ์การขายบน Facebook ที่จะได้ผลในระยะยาว ต้องมอง Fanpage เป็นแพลตฟอร์มศูนย์กลางที่คุณจะสามารถทำแคมเปญการขายและการตลาดได้ ประเด็นสำคัญคือต้องเปลี่ยนคนกด Like ให้กลายเป็นลูกค้า มีหลายๆ คนที่ประสบความสำเร็จในการขายสินค้าบน Facebook ในระยะสั้นๆ จากการเปลี่ยนแฟนเพจให้กลายเป็นลูกค้าได้ แต่สิ่งที่ดีกว่านั้นคือการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเพื่อหวังผลในระยะยาวที่มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนให้ลูกค้าธรรมดากลายเป็นลูกค้าที่มี loyalty สูง
การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้านี้จะต้องมาจากการเป็นเพจที่มีบุคลิก พูดง่ายๆ คือจะต้องมีคาแรคเตอร์ของเพจ ไม่ใช่การแสดงตัวแบบราบเรียบ ไร้ชีวิตชีวา อย่าลืมตอบคอมเมนท์ของแฟนเพจ ลองจำชื่อของพวกเขาแล้วพูดถึงในโพสต์ หากิจกรรมอะไรสนุกๆ มาเล่นกับแฟนเพจบ้าง เพื่อให้พวกเขารู้สึกมีความสำคัญในพื้นที่ของคุณ
3. ใช้ประโยชน์จากการซื้อโฆษณาบน Facebook
แบรนด์ควรใช้ประโยชน์จากการซื้อโฆษณาบน Facebook ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถระบุกลุ่มเป้าหมายได้ด้วย หลังจากที่ Facebook พยายามปรับให้มี Organic reach ยากขึ้น แบรนด์ต่างๆ ก็ต้องปรับตัวด้วยการหันมาซื้อโฆษณาบน Facebook เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย
สิ่งที่ควรทำเมื่อจะซื้อโฆษณาบน Facebook นี้คือการระบุกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงให้ได้มากที่สุด ลองเริ่มด้วยการโฆษณาเล็กๆ น้อยๆ เพื่อดูว่ามันตอบโจทย์คุณได้มากแค่ไหน หลังจากนั้นค่อยๆ เพิ่มงบประมาณในส่วนนี้ และลองปรับคอนเทนต์ (รวมถึงรูปภาพด้วย) ลองเปรียบเทียบว่าการซื้อโฆษณาครั้งไหนมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน เพื่อค้นหาสูตรเฉพาะของแบรนด์และรสนิยมของแฟนเพจ
4. ทำกิจกรรมแจกของสมนาคุณ
ของสมนาคุณคือวิธีที่ดีในการจะดึงความสนใจจากกลุ่มที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นลูกค้า อีกนัยหนึ่งคือให้พวกเขาได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณ มันอาจจะนำมาซึ่งความน่าเชื่อถือก็ได้ การจัดกิจกรรมแข่งขันเล็กๆ น้อยๆ ไม่เพียงแต่เพิ่ม engagement ให้กับเพจของคุณเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้รู้จักสินค้าของคุณมากขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ของสมนาคุณที่แจกให้ลูกค้าแบบฟรีๆ นั้นจะต้องอยู่ในไลน์เดียวกันกับสินค้าหลักของคุณ อาจจะเป็นขนาดทดลอง หรือเป็นรุ่นที่ผลิตมาจำนวนจำกัดก็ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกค้ารู้ว่าสามารถคาดหวังอะไรได้บ้างจากสินค้าและบริการของคุณเมื่อพวกเขาต้องจ่ายเงินซื้อมันมาจริงๆ
5. ทำขั้นตอนการซื้อให้ง่ายขึ้น
หลายครั้งที่ผลิตภัณฑ์ดีๆ ต้องล้มเหลวในแง่ของยอดขายเพียงเพราะมีกระบวนการสั่งซื้อที่ยุ่งยากซับซ้อนเกินไป ดังนั้น การออกแบบวิธีสั่งซื้อรวมไปถึงการชำระเงินให้ง่ายเข้าไว้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะมองข้ามไปไม่ได้ หากต้องการจะประสบความสำเร็จในการขายบน Facebook ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการที่จะทำให้กระบวนการดังกล่าวง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นก็คือการใช้เครื่องมือ เช่น Selz มาช่วย integrate เอาระบบ online store เข้าไปในแฟนเพจ เพื่อให้มีฟีเจอร์ตะกร้าสินค้าและชำระเงินผ่านเครดิตการ์ตได้ทันที
สำหรับการขายแบบออนไลน์ กระบวนการซื้อที่รวดเร็วและไม่ซับซ้อน ถือเป็นปัจจัยสำคัญมากที่จะช่วยเปลี่ยนแฟนเพจธรรมดาๆ ให้กลายเป็นลูกค้าได้ ดังนั้น การทำให้มันง่ายดายจึงเป็นหนึ่งในเรื่องแรกๆ ที่คุณควรจะทำ