ทำงาน ทำงาน ทำงาน หนึ่งในคำพูดติดปากช่วยปลุกไฟของคนในยุคนี้ เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้าง เกี่ยวกับวลีเด็ดของผู้ว่าฯ กทม. คนปัจจุบัน “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ด้วยบุคลิกที่แข็งแรง มาพร้อมกับคำพูดสุดเชื่อมั่นและเข้าใจผู้คน และแสดงออกผ่านการกระทำที่แน่วแน่จึง ไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลย ที่ชายคนนี้สามารถครองใจคนรุ่นใหม่ได้อย่างล้นหลาม
แม้จะปิดฉากศึกเลือกตั้งไปแล้วก็ตามแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ชัชชาติ ยังคงได้รับความสนใจจากประชาชนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะผ่านคอนเทนต์ของแฟนเพจ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หรือจากสื่ออื่นๆ ก็ยังคงนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ของเขาอยู่เสมอ โดยเนื้อหาที่โลดแล่นบนโซเชียลมีเดียไม่ได้มีเพียงแต่เรื่องผลงาน แต่…เนื้อหาเหล่านั้นยังทำให้เราได้เห็นถึงตัวตนของชัชชาติที่ช่วยทำให้คนรู้จักเขามากยิ่งขึ้น
.
และวันนี้ทีมงาน Thumbsup ก็ได้รวบรวมข้อมูล พร้อมศึกษาถึงเบื้องหลังเกี่ยวกับ 5 เรื่อง (ไม่) ลับของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ที่ทำให้ครองใจคนยุคนี้ได้อยู่หมัด โดยจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจอะไรบ้าง รวมถึงการวางแผนหรือทีมงานที่ช่วยในเรื่องนี้อย่างไร เราไปติดตามกันเลย
ความไว้ใจที่เป็นพื้นฐาน
หนึ่งในทีมสมาชิกของ ชัชชาติ อย่าง “ปราบ เลาหะโรจนพันธุ์” ได้เล่าถึงเบื้องหลังการทำงาน และจุดเริ่มต้นของแคมเปญการเลือกตั้งที่สร้างปรากฏการณ์มากมาย ว่าทั้งหมดนี้เริ่มมาจากความรู้สึกไว้ใจ และความเชื่อมั่นของทีมงานที่มีต่อ ชัชชาติ จึงทำให้แก่นแนวคิดหลักของแคมเปญนั้น คือ “การส่งต่อความไว้ใจ (Trust)” ให้แก่ประชาชน ผ่านรูปแบบที่มีการบาลานซ์ระหว่าง การเปิดเผยตัวตนของชัชชาติเพื่อให้ประชาชนเกิดความไว้ใจ กับ การไม่ต้องเปิดเผยตัวตนมาก เพียงแต่เน้นทำผลงานที่มีคุณภาพ และได้ประโยชน์กับประชาชนสูงสุด
ซึ่งถ้าเราสังเกตท่าทีของประชาชนหลังจากผลการเลือกตั้งออกมาเป็นที่เรียบร้อย ส่วนใหญ่จะมีแต่พลังงานด้านบวกที่มอบให้ชัชชาติ ไม่ว่าจะเป็นความเห็นใจ และความเชื่อมั่นที่มีต่อสิ่งที่ชัชชาติกำลังพยายามทำอยู่มากกว่าที่เคยเป็น สาเหตุหลักนั้นอาจจะเป็นเพราะว่าประชาชนรู้สึกเหมือนเป็นความหวังใหม่ที่สามารถยึดเหนี่ยวและพึ่งพาได้
โดยถ้าถามว่าความรู้สึกพวกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ? ก็ต้องขอชื่นชมถึงเหล่าทีมงานชัชชาติที่สามารถสื่อสาร Key Messege ได้อย่างตรงจุด และยึดมั่นที่จะส่งต่อความไว้ใจนี้มาเรื่อยๆ ตั้งแต่ก่อนลงสมัครเลือกตั้ง ขณะหาเสียง และหลังจากการเลือกตั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้เราจะเห็นได้จากความตั้งใจในการทำคอนเทนต์ การประชาสัมพันธ์ต่างๆ เมื่อผสมผสานกับตัวตนของชัชชาติที่พื้นฐานเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว จึงไม่แปลกใจเลยถ้าประชาชนยุคนี้จะรู้สึกไว้ใจ
ความเฟรนด์ลี่ที่เข้าถึงง่าย
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้หนึ่งในหน้าผู้ชายที่เราเห็นบ่อยที่สุดบนโซเชียลมีเดียต่างๆ คงหนีไม่พ้นชัชชาติ เพราะจากบุคลิกลักษณะที่เป็นมิตร และเข้าถึงง่ายของเจ้าตัว ทำให้เราจะเห็นชัชชาติไปแสดงตัวตามงานกิจกรรมมากมาย พูดคุยเล่นกับประชาชน หรือมีภาพลงพื้นที่ใกล้ชิดกับผู้คนที่ทำงานจริง
อีกทั้งชัชชาติยังมีการใช้ชีวิตที่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ไม่ได้วิเศษไปกว่าคนอื่นๆ ดังที่เราเคยเห็นภาพชัชชาติ เดินทางด้วยบริการขนส่งโดยสารสาธารณะ หรือภาพการใช้ชีวิตที่ธรรมดาเรียบง่าย ซื้อข้าวแกงกินตามร้านอาหาร ไม่ต้องเลิศหรู
นอกจากนี้ แคมเปญเลือกตั้งของชัชชาติก็มีความแปลกใหม่ เฟรนด์ลี่เข้าถึงง่ายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะเป็นการทำแคมเปญหาเสียงด้วยการใช้การ์ตูน ซึ่งคงเป็นอีกคำถามที่หลายคนสงสัยว่า เอ๊ะ!? ทำไมถึงเลือกใช้การ์ตูนในการหาเสียงกัน
ทางทีมงานชัชชาติมองว่าการใช้การ์ตูนนำเสนอ สามารถสื่อสาร Key Emotion ได้ดีกว่า รวมถึงในบางครั้งก็ยังช่วยเพิ่มความนุ่มนวลในการสื่อสารประเด็นที่หนักๆ อย่างเรื่องการเมือง หรือการตอบคำถามประเด็นต่างๆ ที่เซนซิทีฟได้
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองส่งผลให้ประชาชนยิ่งรู้สึกว่า ชัชชาติ เป็นผู้นำที่เข้าถึงง่าย แต่ในทางกลับกันเราก็จะเห็นว่า ชัชชาติ ต้องรับมือกับประชาชนบางคนที่เข้ามาร้องทุกข์ด้วยน้ำที่เสียงโวยวายบ้าง ร้องไห้บ้าง โดยเจ้าตัวก็ได้รับมือกับสถานการณ์ตรงหน้า ด้วยความใจเย็น พร้อมพูดคุยอย่างมีเหตุผล และช่วยดำเนินการประสานงานแก้ไขปัญหาให้
ความสม่ำเสมอที่เห็นได้ตลอด
สำหรับใครที่กดติดตามเฟซบุ๊คแฟนเพจของชัชชาติ เชื่อว่าในทุกๆ วันคงได้เห็นแจ้งเตือนไลฟ์ที่ขึ้นมาอยู่สม่ำเสมอ โดยในทุกครั้งที่เจ้าตัวออกไปลงพื้นที่ หรือสำรวจปัญหาในด้านต่างๆ ก็จะมีทีมงานที่คอยซัพพอร์ตในส่วนนี้อยู่ตลอด ซึ่งเราก็มองว่าการไลฟ์สดนั้น ถือว่าเป็นวิธีที่ง่าย สะดวกรวดเร็ว รวมถึงมีประโยชน์จริงๆ อีกด้วย
เพราะประชาชนก็สามารถเห็นถึงวิธีการทำงานของชัชชาติได้ รวมถึงได้รับรู้ถึงปัญหามากมายจากหลายพื้นที่ ยกตัวอย่างเมื่อเดือนกรกฎาคมในช่วงที่ฝนตกหนัก มีพายุเข้าจนทำให้น้ำท่วมซอยสุขุมวิท 67 เจ้าตัวก็ได้ลงดูพื้นที่น้ำท่วมด้วยการเรียกรถวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และถ่ายทอดสดไลฟ์ผ่านมือถือด้วยตัวเอง พร้อมรายงานสถานการณ์ให้ประชาชนทราบ
และความสม่ำเสมอนี้เอง ทำให้ประชาชนได้เห็นถึงความพยายามในการดูแลกรุงเทพมหานครฯ ให้ดีมากขึ้น และเห็นถึงการเริ่มแก้ไขปัญหาเส้นเลือดฝอยตามนโยบายที่วางไว้ เรียกได้ว่าสิ่งที่ชัชชาติกำลังทำอยู่ในทุกวันค่อยๆ เริ่มซื้อใจประชาชนบางส่วนไปได้บ้างแล้ว
ความไวที่คาดไม่ถึง
หนึ่งในจุดเด่นของชัชชาติที่ไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นก็คือความว่องไวในการทำงาน หรือการ Take Action ต่อปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จากพื้นฐานนิสัยทุนเดิมของชัชชาติที่เป็นคนว่องไว กระฉับกระเฉง และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ทำให้เวลามีปัญหาสถานการณ์ด่วนในกรุงเทพ ไม่ว่าจะน้ำท่วม หรือเกิดเหตุขัดข้องเข้าใจผิดตรงไหน เราจะเห็นชัชชาติรีบไปสถานที่นั้น เพื่อคอยแก้ปัญหา และสแตนบายอยู่ข้างประชาชนตลอด
จะเห็นได้ในตอนที่มีคลิปไวรัลว่าชัชชาติก็เคยโดนแท็กซี่ปฏิเสธ ทำให้ชาวเน็ตต่างแซวกันว่า ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็แพ้ก๊าซหมด ซึ่งในส่วนของประเด็นนี้ที่เป็นไวรัลในข้ามคืน ชัชชาติไม่รอช้า..เช้าวันถัดมาได้ออกมาชี้แจงถึงข้อเท็จจริงว่าพี่คนขับไม่ได้ปฏิเสธ แต่เขารอลูกค้าจากแอป Grab อยู่นั่นเอง พร้อมไปหาพี่คนขับแท็กซี่คนดังกล่าว และขอโทษอย่างจริงใจที่ทำให้โดนกระแสต่อว่าจากประชาชน
โดยจาก 2 เหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างมาดังกล่าว ก็ยิ่งทำให้ซื้อใจประชาชนได้อยู่หมัด ด้วยความรวดเร็วและใส่ใจในการแก้ไขสถานการณ์ บวกกับการรายงานสถานการณ์ต่างๆ แบบเรียลไทม์ก็ยิ่งทำให้ครองใจผู้คนได้ขึ้นไปอีก
ความสร้างสรรค์ที่มีประโยชน์
สุดท้ายแล้วจาก 4 หัวข้อที่กล่าวมา นับว่าเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเพียงชัชชาติเท่านั้น แต่มีสิ่งๆ หนึ่งที่ทำให้ชัชชาตินั้นต่างออกไปจากคนอื่นก็คือ การมีความคิดสร้างสรรค์ที่มีประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง
ในช่วงเลือกตั้งผู้สมัครจากหลากหลายพรรคต่างก็มีการคิดแคมเปญ นโยบายต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน ซึ่งรูปแบบในการนำเสนอส่วนใหญ่ก็จะมีลักษณะคล้ายกัน ไม่ค่อยแตกต่างกันสักเท่าไหร่
ซึ่งเราอยากให้ทุกคนได้ลองสังเกตถึงแคมเปญของชัชชาติดู โดยเนื้อหาที่นำเสนอนั้นก็คือเรื่องเดียวกันกับพรรคอื่น แต่ทีมชัชชาติกลับเลือกนำเสนอในมุมที่ต่างออกไป และทำให้เป็นที่จดจำหรือประสบความสำเร็จได้มากกว่า อาทิ การนำเสนอนโยบาย 200 ข้อ ภายใน 2 นาทีผ่านการแร็ป ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนไม่มีใครชอบอ่านนโยบาย ทำให้ทีมชัชชาติเลือกนำ Pain Point ตรงนี้มาครีเอทเป็นวิธีการนำเสนอใหม่ที่สร้างสรรค์ขึ้น
หรือการเลือกทำไวนิลหาเสียงที่มีขนาดเล็ก พอดี ไม่เกะกะทางเดินเท้า ซึ่งชัชชาติถือว่าเป็นกลุ่มแรกเลยที่เลือกทำด้วยวิธีนี้ และยังทำให้ประชาชนเห็นอีกว่าป้ายไวนิลนี้จะไม่ได้เป็นขยะ เพราะถูกคิดมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าหลังจากจบการเลือกตั้งจะมีการนำไปทำเป็นกระเป๋าสะพายได้อีกด้วย
จึงทำให้เห็นเลยว่าการจะทำคอนเทนต์หรือสื่อสารอะไรสักอย่างให้ประชาชน ควรมองจาก Pain Point ก่อน และสร้างสรรค์คิดวิธีนำเสนอใหม่ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ข้อมูลเราสื่อสารเข้าถึงคนได้ถูกที่ และก่อให้เกิดแอ็กชันต่างๆ ที่ตามมา ทั้งในแง่ของความร่วมมือในการทำตามนโยบาย หรือความไว้ใจที่มากขึ้นของประชาชน
ทั้งหมดนี้เป็นเพียง 5 เรื่องเท่านั้นที่ทำให้ชัชชาติครองใจคนยุคนี้ได้ ยังมีเรื่องราวและเบื้องหลังความสำเร็จอีกมากมายที่ส่งผลให้ชัชชาติ สิริพันธุ์ ประสบความสำเร็จ และครองใจคนในยุคนี้
โดยสามารถฟังภาคต่อได้ที่งาน iCreator Conference 2022 พบปะกับคุณแมว และคุณปราบ Branding Consultancy จากทีมชัชชาติ ที่จะมาร่วมพูดคุยกันในเซสชัน “The Next Bangkok ถอดรหัส ‘ทำงาน ทำงาน ทำงาน’ สร้างตำนานบทใหม่ของกรุงเทพฯ” เซสชันที่จะเปิดมุมมองการทำงานทั้งในแง่กลยุทธ์ และความครีเอทีฟผ่านแคมเปญเลือกตั้ง
ใครที่สนใจสามารถซื้อบัตร โปรแรงสุดปังรับวัน 10.10 จาก iCreator Conference 2022 Presented by SUPALAI
บัตร 1 ใบเหลือ 2,000 บาท (จาก 3,000 บาท) พร้อมโปรซื้อ 4 แถม 2
.
ซื้อบัตรโปร 10.10 ได้ที่นี่ https://www.eventpop.me/e/13411/icreator-conference-2022