ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั้งในประเทศแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกาในปีที่ผ่านมานั้น ทำให้ตลาดประเทศกำลังพัฒนาและตลาดใหม่ (emerging-market) ที่กำลังเติบโตถูกจับตามองมากขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงนี้เองที่ทำให้นักการตลาดต้องประมาณการใช้จ่ายทั่วโลกเสียใหม่ โดยเฉพาะตลาดโฆษณาทั่วโลกที่นักการตลาดจำเป็นต้องรู้ จึงเป็นที่มาของเรื่องที่เราน่าจะรู้เกี่ยวกับตลาดโฆษณาโลกในปีที่กำลังจะมาถึงนี้ (2013)
ทาง AdAge ได้ทำการระบุถึงเรื่องที่เราควรทราบโดยเป็นตัวเลขรวมทั้งสถิติที่เกี่ยวข้องในวงการโฆษณา 5 เรื่องด้วยกัน
- การสำรวจพบว่าเม็ดเงินในตลาดโฆษณาขณะนี้มีมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เชื่อว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มสูงขึ้นแน่นอนในปี 2013
- ถึงแม้ว่าหลายประเทศยักษ์ใหญ่จะประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา แต่การสำรวจพบว่าตลาดโฆษณาทั่วโลกจะเติบโตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอีก 3.9% ตลอดปี 2012-2013
- เม็ดเงินในวงการโฆษณานั้นเติบโตต่อเนื่องไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงใด โดยในปี 2011 ที่ผ่านมา การใช้จ่ายด้านการโฆษณานั้นเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์หลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกในปี 2008-2009 เชื่อว่าเม็ดเงินโฆษณาจะทำสถิติสูงขึ้นทุกปีจนถึงปี 2017 เป็นอย่างต่ำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจำนวนเงินที่ใช้ในการโฆษณาทั่วโลกยังมีมูลค่าสูงอยู่ตลอดเวลา
- ประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและลาตินอเมริกาจะยังเป็นตลาดโฆษณาที่มีขนาดใหญ่และอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว สะท้อนถึงการเติบโตในตลาดกำลังพัฒนาต่อเนื่อง จุดนี้การสำรวจเชื่อว่าจะต้องให้เวลาถึงปี 2015 กว่าเม็ดเงินโฆษณาในตลาดสหรัฐฯ จะสูงกว่ายุครุ่งโรจน์ในปี 2007 ขณะที่ยุโรปตะวันตกอาจจะใช้เวลาน้อยกว่าโดยมีลุ้นในปีหน้า
- 4 ประเทศยักษ์ใหญ่ (BRIC) ที่ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดียและจีนจะครองเม็ดเงินตลาดโฆษณาเกือบครึ่งหนึ่งของตลาด emerging-market ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าในปี 2017 ทั้ง 4 ยักษ์ใหญ่นี้จะเป็น 4 ใน 10 ประเทศที่มีตลาดโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยจีนจะครองอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ
ทั้งหมดนี้เป็นแนวโน้ม 5 ใน 10 เรื่องที่สำนัก AdAge ตั้งข้อสังเกตไว้เรื่องตลาดโฆษณาทั่วโลก ส่วนแนวโน้มอื่นๆ นั้นได้แก่การสำรวจที่พบว่าทีวียังคงครองเม็ดเงินส่วนใหญ่ในตลาด ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ (2012) โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 40.2%-43% และยังถูกประเมินว่าสัดส่วนของการโฆษณาผ่าน TV จะยังคงที่และค่อนข้างมั่นคงอยู่ที่ 40% จนถึงปี 2015 ส่วนที่ตามมาก็คือการทำโฆษณาผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งกำลังมาแรงและถูกมองว่าจะแซงหน้าหนังสือพิมพ์ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของตลาดโฆษณาในปีหน้านี้
ยังมีแนวโน้มที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดโฆษณาก็คือผลิตภัณฑ์ประเภททำความสะอาดและดูแลร่างกาย ซึ่งตามมาด้วยผลิตภัณฑ์ประเภทยานยนต์และอาหาร ส่วนแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดโฆษณา 3 อันดับแรกก็คือ Procter & Gamble, Unilever และ L’Or?al
สามารถติดตามข้อมูลฉบับเต็มได้ที่ข่าวต้นฉบับ
ที่มา: AdAge