Site icon Thumbsup

5 วิธีการใช้ LinkedIn ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

คงไม่มีใครปฎิเสธนะครับว่าหนึ่งในนิยามความสําเร็จทางธุรกิจก็คือ การสร้างมิตรภาพ การสร้างเสริมความสัมพันธ์ทั้งระหว่างคู่ค้า เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมอาชีพ หรือเรียกรวมๆ กันว่า ?Connection? สมัยก่อนการบริหารความสัมพันธ์ดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในหน้าที่การงานของเราจะต้องใช้ความพยายามค่อนข้างมาก แต่สมัยนี้เรามี Social Media เฉพาะทางสำหรับคนทำงานอย่าง LinkedIn.com เชื่อว่า thumbsuper หลายท่านคงเคยใช้กันมาไม่มากก็น้อย วันนี้เราเลยขอนำกลเม็ดเล็กๆ น้อยๆ ในการใช้ LinkedIn ให้ได้ประโยชน์สูงสุดครับ

1. ทำโปรไฟล์ให้ชัดเจน อ่านแล้วเข้าใจเราภายใน 1 นาที
เวลาเราเข้าไปใช้งาน LinkedIn หลายครั้งเลยครับที่เรามักจะเจอโปรไฟล์ที่ดูไม่ชัดเจน เขียนว่าทำอะไรได้ ทำงานที่ไหนมาอย่างเดียวอาจจะไม่พอ แต่สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของเราชัดเจนได้อย่างง่ายๆ ก็คือ ระบุให้ชัดไปเลยว่าถ้าเราจะอธิบายตัวเองสั้นๆ ให้คนที่อ่านโปรไฟล์ของเราเข้าใจได้ในเวลาไม่เกิน 1 นาที จะต้องเขียนอย่างไร

ส่วนตัวผมใช้วิธีการเขียนนิยามไว้สั้นๆ ใต้รูปโปรไล์สั้นๆ 1 ประโยคว่าเป็น “Online Media Practitioner” หรือผู้สนใจใฝ่รู้ในเรื่องสื่อออนไลน์ เพราะผมเป็นคนที่มีพื้นหลังการศึกษาเรื่องสื่อ เคยผ่านงานข่าวงานสื่อมาแล้วเกือบทุกรูปแบบก่อนที่จะก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์ ทำให้มีประสบการณ์ด้านสื่อออนไลน์ชัดเจน ใครที่สนใจจะทำความรู้จักตัวตนของผมมากขึ้น ก็อ่านประวัติต่อได้ ถึงจะรู้ว่าอ๋อ ผ่านงานด้านการตลาด และการดูแลผลิตภัณฑ์มาด้วย เป็นต้น… อีกอย่างหนึ่งที่ขอย้ำคือ เราต้องเขียนเข้าใจง่ายๆ อ่านปราดเดียวเข้าใจด้วยนะครับ พอเขียนเสร็จแล้วให้อ่านทวนและแทนใจว่าเราเป็นคนอ่านว่าอ่านแล้วงงหรือไม่

สำรวจตัวเราเองก่อนเลยครับว่า ถ้าจะให้คนอื่นเรียกเราสั้นๆ จะให้เขาเรียกเราเป็นอะไร อันนี้เป็นเรื่อง Personal Brand ด้วยครับ จะให้คนจำคุณว่าเป็นอะไรดี? แตกต่างจากคนอื่นๆ อย่างไร

2. เพิ่มคนที่คุณรู้จักจริงๆ เท่านั้น
ผมขอแนะนำให้คุณรับแอดหรือเพิ่มรายชื่อคนติดต่อเฉพาะคนที่คุณรู้จักจริงๆ เท่านั้น เพราะการที่คุณเพิ่มใครเข้ามาอยู่ในเครือข่ายของคุณ เท่ากับคุณอาจเปิดให้คนๆ นั้นเข้ามาดูได้ว่าคุณรู้จักใครบ้าง ซึ่งเป็นทั้งคุณและโทษในเวลาเดียวกัน ที่จริงเราสามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้ด้วยว่าเราจะให้คนในเครือข่ายเราเห็น Connection ของเราหรือไม่ ผมเคยลองไม่ให้คนในเครือข่ายมองเห็น Connection ของเราปรากฏว่าคนดูโปรไฟล์หรือติดต่องานเราน้อยลง ดังนั้นสู้ว่าเราเพิ่มเฉพาะคนที่รู้จักจริงๆ แล้วเปิดให้คนรู้จักดู Connection เราได้จะดีกว่า มันจะทำให้คุณได้รับประโยชน์จาก LinkedIn มากกว่า เพราะ LinkedIn เป็นเรื่องของโครงสร้างข้อมูลที่ “เปิด” มากกว่าการเป็นเว็บไซต์สำหรับอัพโหลด Resume แบบ “ปิด”

3. กล้าใช้ภาษาอังกฤษแบบไม่กลัวผิด
ด้วยความที่ LinkedIn ยังไม่ได้เปิดให้บริการภาษาไทยอย่างเป็นทางการ ผมแนะนำว่าเราควรใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเป็นหลักแบบที่คุณไม่ต้องไปกลัวผิดอะไรมาก เพราะถ้าคุณสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษแล้ว คุณก็จะใช้บริการของ LinkedIn ได้คุ้มค่าไม่ว่าจะเป็นการถาม-ตอบใน LinkedIn Answers หรือการใช้ Application ต่างๆ ที่อยู่ใน LinkedIn ไม่ใช่ใช้มันเป็นเพียงที่แปะ Resume อย่างนั้นคุณใช้เว็บหางานทั่วไปก็ได้ครับ แต่สำหรับ LinkedIn คุณใช้มันทำอะไรได้หลากหลาย แต่ก้าวแรกต้องเริ่มจากการพยายามสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษก่อน ถ้าคุณกลัวว่าจะใช้ภาษาผิด ไม่ต้องกลัวครับคนต่างชาติถ้าอยากจะคุยกับเราจริงต้องพยายามทำความเข้าใจเรา แต่อย่างไรถ้ามีเวลาเราก็ต้องพยายามเขียนให้ถูกด้วยนะครับ 😀

4. Upgrade Account ของคุณด้วยการยอมจ่ายเงิน LinkedIn บ้าง
ถ้าลองสังเกตไอค่อนเล็กๆ ข้างโปรไฟล์ของผู้ใช้ LinkedIn บางคนคุณจะเจอไอค่อนสีทอง อันนั้นคือไอค่อนที่ระบุว่าสมาชิก LinkedIn คนนั้นใช้ Business Account โดยยอมจ่ายค่าสมาชิกเดือนละ 30-100 เหรียญ โดยคุณจะได้รับประโยชน์อย่างเช่น ส่งอีเมลหาคนที่ไม่ได้อยู่ใน Contact ของคุณได้โดยตรง และทาง LinkedIn การันตีว่าจะได้รับการตอบกลับแน่นอน นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความสามารถในการคอยตรวจดูว่าใครมาดูโปรไฟล์ของคุณบ้าง อย่างปกติดูได้จำกัดไม่กี่คน แต่ถ้าคุณอัพเกรดคุณก็รู้หมดว่าใครเข้ามาดูบ้าง ซึ่งตรงนี้จะช่วยให้เรารู้ได้ว่าตอนนี้คนในแวดวงไหนที่อ่านและดูโปรไฟล์ของคุณบ้าง ส่วนตัวแล้วผมได้รับประโยชน์จากการ Upgrade Account หลายอย่างครับ ทำให้มีคนติดต่อเข้ามามากขึ้น และส่วนตัวก็ติดต่อชาวต่างประเทศในด้านเดียวกันได้ง่ายมากๆ แม้จะไม่มี Connection ระหว่างกัน

5. เข้าร่วมกลุ่มความสนใจต่างๆ
LinkeIn ไม่ใช่เว็บไซต์หางานอย่างเดียว แต่มันเป็น Social Media ที่เปิดให้เราบริหารความสัมพันธ์ทางธุรกิจได้ วิธีการเริ่มต้นง่ายๆ ก็คือ กลุ่มความสนใจต่างๆ ของสมาชิก LinkedIn ครับ กลุ่มหลักๆ จะแบ่งออกเป็น 2 อย่างครับ แบบแรกคือ ?แบบองค์กร? อย่างผมเองเคยทํางานที่ Yahoo! ผมก็จะเข้าไปร่วมในกลุ่มของ ?ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน Yahoos? ซึ่งข้างในกลุ่มนี้ก็จะมีคนที่เคย/กําลัง ทํางานอยู่ใน Yahoo! เข้าไปคุยกันอยู่ในนั้น ใครย้ายไปประเทศอะไร อยู่ที่ไหนก็ตามกันได้ ใครมีงานใหม่ๆ มาประกาศกัน มีแม้กระทั่ง อดีตฝ่ายบุคคลมาตามหาคนไปทํางานก็มี

แบบต่อมาก็คือแบบ ?กลุ่มความสนใจ? อันนี้แบ่งกันตามสะดวก เช่นวันดีคืนดีอาจจะมีคนมาชวนคุณมาเข้าร่วม ?กลุ่มนักการ ตลาดออนไลน์แห่งประเทศไทย? หรือ ?กลุ่มนักพัฒนาโอเพ่นซอร์ส? และถ้าไม่มีกลุ่มไหนตรงกับความต้องการหรือความสนใจเราเลย จะตั้งกลุ่มเองก็ไม่ผิดกติกาครับ การตั้งกลุ่มที่เป็นกลุ่มเฉพาะในความสนใจของเราเองจะทําให้เราได้สนทนาภาษาเดียวกันกับคนที่ทํางานในสายเดียวกับเราได้แลกเปลี่ยนความรู้กับคนอื่นๆ มีแต่ได้กับได้ครับ เราเพียงแต่ต้องคอยจัดการกลุ่มหรือดูแลชุมชนของเราให้ดี