ใครที่เป็นผู้ดูแลเพจบน Facebook หรือเรียกกันแบบติดปากว่าแอดมิน (Administrator) คงมีหน้าที่แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการดูแลหน้าเพจ รวมทั้งการโพสต์ข้อมูลใหม่ๆ เพื่อนำเสนอให้กับผู้ที่กด “Like” หรือผู้ที่เข้ามาหน้าเพจของเราให้ได้อ่าน แต่สำหรับผู้ดูแลบางคนที่อยู่ในตำแหน่งของเจ้าของกิจการนั้น ไม่สามารถเข้ามาดูแลหน้า Facebook Page กันได้ตลอดเวลา วันนี้เราเลยมีคำแนะนำเล็ก ๆ สำหรับการโพสต์ข้อความด้วยการตั้งเวลาโพสต์บน Facebook มาให้ได้อ่านครับ
หลายคนอาจจะไม่ทันได้สังเกตว่าหลังจากที่ Facebook ได้เปลี่ยนรูปแบบของหน้าแสดงข้อความให้เป็นรูปแบบ Timeline นั้นได้เพิ่มคุณสมบัติที่สามารถให้ผู้ดูแลเพจกำหนดเวลาในการโพสต์ด้วยการกำหนดเวลาและอื่น ๆ ได้ โดยไม่ต้องใช้แอพพลิเคชันอื่น ๆ มาช่วยเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้น เรามาดูวิธีการตั้งเวลาในการเขียนข้อความกันครับว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง
ข้อที่ 1 เราจะโพสต์ข้อความอย่างไร
ให้เราเขียนข้อความในกล่อง Status ตามปกติเลย โดยใส่ได้ทั้งข้อความ, ใส่ URL, หรือจะเป็นการอัพโหลดรูปภาพหรือวิดิโอได้ตามปกติอย่างที่คุณเคยทำ สำหรับการกำหนดเวลาการโพสต์ให้เราคลิกที่มุมซ้ายของกรอบที่เป็นสัญลักษณ์นาฬิกาอยู่จากนั้นให้เรากำหนดวันเดือนปีที่เราต้องการ รวมถึงเวลาที่เราต้องการตั้งได้เลย
โดยที่สามารถตั้งเป็นวันที่ล่วงหน้าได้มากที่สุด 6 เดือน โดยระบบของ Facebook จะคำนวนให้เรียบร้อยด้วยการแสดงค่าจากการเลือกปีและเดือนที่ลอคค่าไว้แล้ว รวมทั้งการตั้งเวลา ซึ่งจะกำหนดได้ในหลัก 10 นาที และเราไม่ต้องห่วงเรื่อง Timezone เพราะว่า Facebook จะใช้เวลา Timezone ที่ใช้อยู่บนเครื่องจริงในการกำหนดเวลาให้อัตโนมัติ
และที่สำคัญ เราสามารถกำหนดให้ข้อความของเราที่ต้องการแสดงให้เฉพาะคนที่อยู่ประเทศนั้นๆ หรือภาษาที่เราต้องการให้เห็นได้ ด้วยการกดที่ปุ่มลูกโลก จากนั้นเลือก Location / Language จะมีหน้าต่างให้เรากรอกชื่อประเทศหรือชื่อเมือง รวมทั้งสามารถกำหนดภาษาที่เราต้องการ และเมื่อกำหนดเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้กด Schedule เพื่อทำการโพสต์ข้อความ โดยข้อความที่เราตั้งเวลาไว้ล่วงหน้าเราจะยังไม่เห็นบนหน้า Timeline แต่อย่างใดจนกว่าจะถึงเวลา
ข้อที่ 2 จะหาข้อความที่เราตั้งเวลาและเข้าไปแก้ไขอย่างไร
เราสามารถเข้าไปดูข้อความที่เราตั้งค่าหรือกำหนดค่าไว้ได้ ด้วยการไปที่ Use Activity Log ในปุ่ม Edit Page ที่อยู่ในส่วนของ Admin Panel ด้านบน
จากนั้นจะมีข้อความที่เราตั้งเวลาไว้ล่วงหน้าทั้งหมดแสดงให้เห็น และเราสามารถที่จะไปเปลี่ยนแปลงเวลาในการโพสต์ข้อความ รวมทั้งยกเลิกได้จากที่หน้านี้
ข้อที่ 3 เราไม่สามารถตั้งเวลาโพสต์ได้ทุกอย่างเสมอไป
จากข้อแรกที่เราได้บอกว่า เราสามารถจะเขียนข้อความธรรมดา หรือข้อความที่มี URL, โพสต์รูปหรือวิดิโอแบบตั้งเวลาได้ แต่สิ่งที่เราไม่สามารถตั้งเวลาได้ ได้แก่ การสร้าง Photo Album, การสร้าง Event, Milestone รวมทั้งการสร้างคำถาม สิ่งเหล่านี้ตั้งเวลาไม่ได้ครับ
ข้อที่ 4 เราตั้งเวลาย้อนหลังในการโพสต์ข้อความได้
ในข้อแรกที่เราตั้งเวลาล่วงหน้าในการโพสต์ได้ เราก็สามารถตั้งเวลาย้อนหลังได้เช่นกัน โดยตั้งเวลาย้อนหลังได้สูงสุด 18 เดือน โดยข้อความที่ตั้งเวลาย้อนหลังจะถูกนำไปโพสต์ขึ้นใน Timeline ทันที โดยไปแทรกในตำแหน่งเวลาที่เรากำหนด และจะมีเวลาบอกว่าถูกโพสต์ไว้เมื่อใดด้วย
แต่สิ่งที่เราอยากแนะนำคือถ้าเราต้องการจะระบุโพสต์ที่เป็นเวลาย้อนหลังที่มากกว่า 18 เดือน ให้ใช้การสร้าง Milestone น่าจะเหมาะสมกว่าครับ ซึ่งจะสร้างได้เก่าเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับการกำหนดวัน Start Date ของเพจเราด้วย (เข้าไปดูได้ที่ Edit Page > Update Info)
ข้อที่ 5 การตั้งเวลาโพสต์จะไม่สามารถทวีตข้อความไปบน Twitter อย่างอัตโนมัติได้
โดยปกติแล้วเราสามารถจะตั้งการโพสต์ข้อความให้ข้อความนั้นไปขึ้นบน Twitter ที่เราทำการผูกไว้ที่?www.facebook.com/twitter?ได้อย่างอัตโนมัติ แต่สำหรับการตั้งเวลานั้นถือเป็นข้อยกเว้น ไม่สามารถทำผ่าน Facebook ได้ โดยถ้าต้องการทวีตข้อความบอกโพสต์ย้อนหลังที่เราโพสต์บน Facebook คงต้องใช้เครื่องมืออื่น ๆ มาช่วยส่งข้อความทวีตแทนอย่างเช่น HootSuite เป็นต้น
ข้อที่ 6 สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าหรือผู้สนใจให้มากขึ้น และลดเวลาที่ต้องเสียเปล่า
สิ่งหนึ่งที่คุณจะได้รับจากการโพสต์ในการตั้งเวลาล่วงหน้าจากการวางแผนของคุณ นั้นคือคุณสามารถจะนำเสนอข้อมูลที่คุณต้องการให้กับผู้ที่ติดตามคุณได้อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งสามารถลดเวลาในการที่จะต้องมารอเวลาในการโพสต์ ณ เวลานั้นๆ ที่เราต้องการได้ด้วยการตั้งเวลาล่วงหน้า ซึ่งนั่นก็หมายถึงคุณสามารถเอาเวลาที่เหลือจากการรอ ไปจัดการงานอย่างอื่นที่คุณต้องทำ แต่ต้องไม่ลืมว่าคุณจะต้องกลับมาติดตามความคิดเห็นที่เกิดขึ้นหลังจากที่คุณโพสต์ข้อความไป เพื่อที่จะทำให้ผู้ที่สนใจรู้สึกว่าเขายังได้รับความดูแลเอาใจใส่อยู่เช่นเดิม
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการโพสต์ข้อความด้วยการใช้คุณสมบัติการตั้งเวลาที่มีอยู่บน Facebook แล้ว ถึงเวลานี้คุณน่าจะสามารถจัดการหน้าเพจได้ดีขึ้น และเพิ่มเวลาในการดูแลกิจการอื่นๆ ของคุณได้เพิ่มเติม เอาไปลองดัดแปลงใช้กับธุรกิจของคุณกันดูครับ
ที่มา: ดัดแปลงเนื้อหาจาก SocialMediaExaminer