Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่มีจำนวนผู้ใช้มากถึง 2.6 พันล้านคนทั่วโลก เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการของผู้ใช้ กลายเป็นพื้นที่ที่แบรนด์และธุรกิจไม่อาจมองข้ามไปได้
เนื่องจากมีแบรนด์และธุรกิจจำนวนมากในเฟสบุ๊ค การแข่งขันด้านการตลาดจึงสูง การเข้าถึงผู้ใช้จำนวนมากกลายเป็นความท้าทาย การบูสต์โพสต์ (Boost Post) บนเฟสบุ๊คจึงกลายเป็นตัวเลือกแรกของแบรนด์และธุรกิจ
วันนี้ Thumbsup ขอเสนอเคล็ดลับในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Boost Post เพื่อให้แคมเปญของคุณสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น
1.กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน
ก่อนการทำแคมเปญการตลาดแน่นอนว่าต้องกำหนดเป้าหมายก่อน ซึ่งอาจมีวัตถุประสงค์หลายอย่าง เช่น ต้องการเพิ่มการมีส่วนร่วม (Engagement) ต้องการเพิ่มการรับรู้ (Awareness) เพิ่มยอดไลก์เพจ, เพิ่มจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์
การกำหนดเป้าหมายจะช่วยให้วัดและประเมินประสิทธิภาพได้ง่ายขึ้น หากไม่ประสบความสำเร็จก็สามารถวัดได้ว่าควรปรับปรุงในส่วนไหน ที่สำคัญเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยประหยัดงบประมาณในการทดสอบโฆษณาในรูปแบบต่าง ๆ
2.เลือกโพสต์ที่เหมาะสม
ไม่จำเป็นต้องบูสต์ทุกโพสต์ แต่ควรบูสต์โพสต์ที่มีประสิทธิภาพที่ดี เช่น โพสต์ที่มียอด Engagement, Reach สูง หรือเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้โฆษณามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
3.เลือกกลุ่มเป้าหมาย
เฟสบุ๊คมีข้อมูลผู้ใช้เป็นจำนวนมากซึ่งแบ่งได้ย่อยได้หลายอย่าง เช่น เพศ อายุ พื้นที่ ความสนใจ และพฤติกรรม เราสามารถกำหนดลักษณะพื้นที่ของผู้ที่จะได้รับโฆษณาเพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
การกำหนดกลุ่มเป้าหมายอาจเริ่มต้นง่ายๆ ได้ด้วยการเข้าไปดู Insight ของเพจแล้วคลิก People เพื่อดูว่าผู้ติดตามเฟสบุ๊คเพจของเราเป็นกลุ่มคนแบบไหน มีความสนใจอะไร
ยกตัวอย่างการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 18-27 ปี เพศชาย โสด และมีความสนใจเกี่ยวกับรถยนต์ เป็นต้น
4.เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม
การบูสต์โพสต์ที่มีประสิทธิภาพคือบูสต์ในช่วงเวลาที่กลุ่มเป้าหมายหรือผู้ติดตามออนไลน์มากที่สุด โดยเราสามารถเข้าไปดูข้อมูลวันและเวลาที่เผยแพร่ของโพสต์เก่าที่มียอดไลก์ ยอดแชร์ และการมีส่วนร่วมสูง เพื่อให้ทราบช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการโพสต์ของเพจ
หากเพิ่งเริ่มต้นสามารถดูช่วงเวลาโพสต์ที่ดีที่สุดได้จากบทความ โพสต์เวลาไหนดีที่สุด? ในแต่ละแพลตฟอร์ม Social Media ปี 2020
5.กำหนดระยะเวลาให้เหมาะสม
ระยะเวลาในการบูสต์โพสต์มีบทบาทสำคัญในการกำหนดประสิทธิภาพ ขอแนะนำว่าไม่ควรบูสต์โพสต์เป็นระยะเวลานานกว่า 1 สัปดาห์ หากกลุ่มเป้าหมายของคุณได้รับโฆษณาเป็นระยะเวลานานและบ่อยครั้งอาจเกิดเป็นความหงุดหงิดแทน
หลังจากบูสต์โพสต์แล้วสามารถดูประสิทธิภาพได้ที่ Ads Manager และดูตัวชี้วัดต่อไปนี้
- ความถี่ (Frequency)
- การคลิกลิงก์ (Unique link clicks)
- จำนวนคนที่เห็น (Reach)
- จำนวนครั้งที่แสดง (Impression)
ความถี่ในการเห็นโฆษณาเฉลี่ยควรต่ำ เพื่อให้โฆษณามีประสิทธิภาพ หากเราบูสต์บทความ แล้วผู้อ่านไม่ประทับใจในครั้งแรก การเห็นครั้งที่สองย่อมไม่เกิดประโยชน์ อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับประเภทโพสต์ที่บูสต์ หากจุดประสงค์ของการบูสต์คือการเพิ่มการรับรู้แต่เมื่อเวลาผ่านไปอัตราการเข้าถึงโพสต์ลดลง ก็ควรหยุดโฆษณาเพื่อประหยัดการใช้งบประมาณ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ
- กำหนดระยะเวลาบูสต์โพสต์เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์
- ตรวจสอบประสิทธิภาพของโฆษณาเป็นประจำ
- หยุดโฆษณาเมื่อไม่มีประสิทธิภาพแล้ว
6.ทดสอบและทดสอบ
วิธีที่ดีที่สุดในการบูสต์โพสต์ให้ประสบความสำเร็จคือการทดสอบ ดูว่าบูสต์แบบไหนเหมาะกับเพจตัวเอง ทำไมการบูสต์แบบนี้ถึงดีกว่าอีกแบบ และปรับปรุงประสิทธิภาพของการบูสต์อยู่เสมอ
แม้ว่าการบูสต์โพสตืจะล้มเหลวไม่ได้ตามเป้าหมายก็อย่าตกใจ แต่ให้เรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วแก้ไข นั่นเป็นวิธีที่จะทำให้แคมเปญประสบความสำเร็จ
เฟสบุ๊คมีทรัพยากรและข้อมูลมากมายใน Ads Manager ซึ่งเราสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สรุป
การบูสต์โพสต์บนเฟสบุ๊คเป็นสิ่งที่ง่ายและทุกคนสามารถทำได้ แต่เพื่อให้แคมเปญประสบความสำเร็จและใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า 6 เคล็ดลับและเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้โฆษณาของคุณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น