เรารู้ว่าคุณมีอะไรต้องทำเยอะแยะในแต่ละวัน มากกว่าจะมาคอยดูว่า วันๆ Facebook เปลี่ยนแปลงไปบ้างอย่างไรบ้าง ดังนั้นเราก็เลยรวบรวมขั้นตอนง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณเริ่มต้นทำ Facebook Ads ได้เร็วๆ โดยเราจะไม่ลงรายละเอียดไปลึกมาก แต่เราจะเล่าเฉพาะเรื่องที่จำเป็นสำหรับการทำแคมเปญโฆษณาเท่านั้น
สิ่งที่ต้องทำก่อนอื่นเลย: ให้แน่ใจว่าคุณได้สิทธิ์เป็น Admin ในเพจของคุณเอง จากนั้นก็เข้าไปที่ facebook.com/ads/manage ใส่เลขบัตรเครดิตเข้าไปแล้วจากนั้นก็ดูว่าชื่อในบัตรเครดิตนั้นตรงกับชื่อใน Facebook account ของคุณหรือเปล่า ไม่งั้นก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ได้รับการอนุมัติจากทาง Facebook จากนั้นก็เริ่มคลิกปุ่ม ?create ad? แล้วก็เริ่มตั้งชื่อแคมเปญกันได้เลย
เราจะเลือกทำแคมเปญสี่แบบดังนี้
1. News Feed Exposure
โฆษณาแบบแรกนี้คือให้แน่ใจว่าแฟนๆ ของคุณจะเห็นสิ่งที่คุณโพสต์ ถ้าคุณเป็นแบรนด์ใหญ่ รู้หรือเปล่าว่าจะมีแฟนไม่กี่เปอร์เซ็นต์หรอกที่จะมองเห็นสิ่งที่คุณโพสต์ใน news feed วิธีการก็ให้คุณเลือก page จากเมนู drop-down (เพราะคุณอาจจะเป็นเจ้าของ page มากกว่า 1) จากนั้นจะมีตัวเลือกให้เราเลือกว่า ?promote page posts? ที่อยู่ตรงกลาง จากนั้นก็เลือกติ๊กใน check box เพื่อโปรโมตเนื้อหาของคุณ อย่างในกรณีนี้ยกตัวอย่าง ALS Global
ติ๊กในตัวเลือกที่จะเลือก ว่าคุณจะโฆษณาถึงคนที่กด Like เพจของคุณอยู่แล้ว
ถ้าคุณมีแฟนน้อยกว่า 200 คน การทำโฆษณาแบบนี้ก็จะไม่ค่อยได้ผลอะไรเท่าไหร่ เพราะคงมีคนไม่กี่คนที่เห็นข้อความของคุณ การทำ? page post ads ตั้งเป้าไปที่ ?anyone? ไว้ก่อน แต่ให้ใส่ความสนใจของกลุ่มเป้าหมายให้หลากหลายเข้าไว้ จากนั้นให้ตั้งชื่อแคมเปญนี้ ?page_post_ads? และตั้ง budget ให้เท่ากับฐานแฟนที่คุณมี แล้วหารด้วย 100 แต่มี Budget อย่างน้อย 1 เหรียญ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีแฟน 500 คน budget ก็จะต้องเป็น 5 เหรียญ ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในอเมริกา อังกฤษ หรือแคนาดา อย่างในเมืองไทยก็ทำได้เยอะๆ เลยเพราะ traffic มีราคาถูกกว่า
2. มองหาคนรวย มองหาฝ่ายจัดซื้อ? ใส่ Job Titles ซะเลย
ถ้าคุณทำธุรกิจแนว B2B คุณจำเป็นที่จะต้องตั้งเป้าว่าจะทำการตลาดกับคนที่ทำงานอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งโดยเฉพาะในบริษัทลูกค้าของคุณ มองเข้าไปในส่วน interests box ให้ใส่ชื่อ job titles ของลูกค้าคุณเข้าไป Facebook จะแนะนำลูกค้าให้คุณเรื่อยๆ มองตรงที่เขียนว่า precise interests ด้านล่างขณะที่คุณกำลังพิมพ์ตำแหน่งเข้าไป มันจะแนะมาเรื่อยๆ
แต่แม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำธุรกิจแนว B2B การใส่ job title ก็ยังจำเป็น เพราะถ้าคุณขายหนังสือเด็ก การตั้งเป้าว่าจะทำการตลาดให้คนที่มีอาชีพครู ก็ยังเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ถ้าคุณเป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน เวลาคุณโฆษณาก็ให้ใส่ตำแหน่งใหญ่ๆ ว่า ?vice president? และ ?CEO? เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีฐานะ ใส่ budget เอาไว้อย่างน้อยวันละ 1 เหรียญ สำหรับทุกๆ 200 คนที่คุณ target
ถ้าเพจของคุณมีแฟนน้อย เวลาสร้างโฆษณาให้เลือกตรงคำว่า ?get more likes? (ที่อยู่ด้านซ้ายสุด) มันจะทำแคมเปญเน้นให้คุณได้ Like เยอะหน่อย จากนั้นคุณก็ใส่พาดหัวโฆษณา และตัวอักษรที่อยากบอก กด Uncheck ตรงที่เขียนว่า ?only people not connected to ? ? เพราะเราต้องการให้แฟนๆ เห็นตรงนี้เช่นกัน
ส่วน Budget ของคุณควรจะเป็นอะไรที่คุณจ่ายได้เพื่อที่จะสร้างฐานแฟน โดยคาดหวังว่า cost per fan จะอยู่ที่ประมาณ 20 เซนต์ ถึง 2 เหรียญ ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมที่คุณดูแลอยู่ และก๊อปปี้โฆษณาของคุณเจ๋งแค่ไหน? แต่ตามกฏทั่วไป budget ของคุณไม่ควรจะมากกว่า 1 เซนต์ ต่อคน ไม่งั้นก็อาจจะเข้าถึงคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของคุณและทำคุณเสียเงินเปล่าๆ
โฆษณาของคุณควรจะดูคล้ายๆ อย่างนี้:
3. Interest Targets
คลิกตรงคำว่า ?create a similar ad? ด้านล่างโฆษณาที่คุณเพิ่งสร้างไป และลบ job title targets ออกจาก interests box.
ใส่ targets ที่ตรงตามหลักสามข้อนี้? competitive, literal, และ lateral
Competitive: ก็ชื่อบริษัทคู่แข่งของคุณไงล่ะ ถ้าคุณอยากได้แฟนๆ ของบริษัทคู่แข่งคุณ หรือถ้าคุณทำธุรกิจ B2B ก็เลือกโฆษณาที่เพจพาร์ทเนอร์ของคุณ
Literal: ถ้าคุณขายอะไหล่ชิ้นส่วนของ Ford Mustang ก็มองหาคีย์เวิร์ดประเภท ?working on my Mustang? หรือ ?Ford Mustang? ถ้าคุณเป็นธุรกิจบริการ? Facebook ads อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับคุณ เพราะมันไม่ใช่ Google ที่คนจะไปเสิร์ชหาอะไรสักอย่างเฉพาะเจาะจง แต่ถ้าคุณกำลังขายอะไรบางอย่างที่คนมองหาบ่อยๆ อยู่แล้ว เช่น รถ แพคเกจทัวร์ ก็ให้ลองโฆษณาใน category targeting ที่กว้างๆ หน่อย (อยู่ด้านล่าง box with precise) ที่ๆ คุณสามารถ target คนที่เพิ่งย้าย และกำลังหาซื้อรถ เพิ่งมีลูก หรือเป็นวันเกิดของคนๆ นั้นได้เลย
Lateral: ถ้าคุณเป็นคนทำแบรนด์ Jack Daniel?s คุณอาจจะอยากทำการตลาดกับวงดนตรีคันทรี่ ถ้าคุณทำแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังอาจจะตรงกับกลุ่มคนชอบฟังเพลงคาราบาว เป็นต้น
เราแนะว่าให้ทำ ad ไว้หลายชิ้น และ target กลุ่มย่อยที่หลากหลาย ถ้าคุณรวมเอา targets ทั้งหมดของคุณไว้ใน ad ชิ้นเดียว คุณจะไม่มีทางรู้ว่าโฆษณาแต่ละชิ้นของความสนใจแต่ละอย่าง perform แตกต่างกันอย่างไร
4. Your Automatic PR Machine
ถ้าคุณคลิกตรงคำว่า ?see advanced targeting options,? คุณจะเห็นคำว่า ?workplace? ตรงด้านล่าง ใส่ชื่อของหนังสือพิมพ์ รายการโทรทัศน์ และอื่นๆ จะทำให้คุณเข้าถึงคนที่ทำงานในบริษัทสื่อเหล่านั้น หลักการก็ไม่มีอะไรมาก คุณอยากให้คนที่ทำงานสื่อเขียนถึงคุณ คุณก็วางโฆษณาให้คนกลุ่มนี้เห็น พวกเขาจะคิดว่าคุณอาจจะเป็นบริษัทใหญ่ๆ สักแห่งที่โฆษณาไปทั่วเพราะโฆษณามันไม่โชว์แน่นอนว่าคุณ target ไว้แล้วว่าจะต้องแสดงให้คนทำงานสื่อเท่านั้นที่เห็น
ด้วยโฆษณาเหล่านี้ คุณควรจะตรวจสอบมันบ่อยๆ เพราะมันจะโปรโมทเนื้อหาล่าสุดของคุณ และทำให้ส่งต่อไปหาคนอื่นๆ ที่ชื่นชอบเนื้อหาของคุณได้ดีขึ้นด้วย แต่อย่างไรคุณก็ยังคงต้องคอยโพสต์เนื้อหาดีๆ ขึ้นไป และคอยตอบคอมเมนต์ด้วยตัวคุณเอง ไม่มีซอฟต์แวร์อะไรที่ทำหน้าที่นี้แทนคุณได้ครับ แต่อย่างน้อยเนื้อหาคุณก็จะมีคนเห็นเยอะมากขึ้น
หลังจากนี้ไปคุณอาจจะต้องเริ่มเรียนรู้ที่จะเขียนก๊อปปี้โฆษณาดีๆ และรู้จักใช้คอนเน็คชั่นของคนแต่ละคน การปรับ landing page ให้เหมาะกับชิ้นโฆษณาของคุณ นี่คือสิ่งสำคัญของการทำโฆษณาบน Facebook
ที่มา: AllFacebook.com