นอกจากเรื่องพื้นฐานที่รู้กันในการยิงโฆษณาบน Facebook แล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องที่ควรรู้ถ้าอยากให้การทำโฆษณาออกมาได้ผลลัพธ์ตามที่ตั้งไว้และคุ้มค่ากับงบประมาณมากที่สุด เรามี 7 ข้อที่สำคัญที่จะไม่ทำให้เสียเงินไปกับงบโฆษณาอย่างน่าเสียดาย
1. First Impression สำคัญที่สุด
สิ่งสำคัญอันดับแรกก่อนการทำยิงโฆษณาคือการควรสร้าง ‘ความเชื่อมั่นในแบรนด์’ เพื่อให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือและนำไปสู่การขายในตอนท้าย ด้วยการสร้างเรื่องราวที่ดีๆ ให้กับแบรนด์
โดยเริ่มต้นตั้งแต่ โลโก้, ชื่อแบรนด์, เพจ Facebook รวมไปถึงคอนเทนต์ในเพจ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีผลอย่างมากต่อการยิงโฆษณาให้ประสบความสำเร็จ เพราะถ้าแม้แต่โลโก้ยังดูไม่น่าเชื่อถือ ก็คงยากที่จะทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นกับแบรนด์
2. เป้าหมายต้องชัดเจน
ในการยิงโฆษณาต้องวางเป้าหมายให้ชัดเจนว่าต้องการทำไปเพื่ออะไร เช่น สร้างการรับรู้ , สร้างยอดวิว หรือการสร้างยอดขาย
เพราะบางครั้งการทำโฆษณาไปแบบกว้างๆ ไม่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ก่อน เพื่อหวังจะเปลี่ยนจากผู้ชมมาเป็นลูกค้าในตอนหลังนั้นใช้เวลามาก เหมือนผ่านปากกรวยขนาดใหญ่ที่เมื่อกรองออกมาแล้วมีลูกค้าจำนวนไม่มาก
ซึ่งสำหรับสินค้ามีรายละเอียดไม่มาก ก็สามารถยิงโฆษณาเพื่อสร้างยอดขายได้เลย ส่วนถ้าสินค้าชิ้นไหนที่มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ก็ควรมีการสร้างการรับรู้ก่อนแล้วจึงยิงโฆษณาเพื่อขายเป็นลำดับต่อมาไป
3. แบรนด์ควรวิเคราะห์ตัวเอง
สิ่งที่หลายคนลืมให้ความสำคัญคือ ‘การวิเคราะห์แบรนด์’ โดยต้องใช้หลัก SWOT มาวิเคราะห์ธุรกิจให้ดี ว่าธุรกิจตัวเองมีจุดเด่น จุดด้อย ข้อดีและข้อเสียใดบ้าง
ซึ่งข้อดีกับจุดเเข็งเองก็มีความแตกต่างกัน โดย ‘ข้อดี’ เป็นสิ่งที่แต่ละแบรนด์สามารถมีเหมือนๆ กันได้ แต่ ‘จุดเเข็ง’ คือสิ่งที่มีแค่ในธุรกิจของเราเท่านั้น
อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่าเราควรจะหยิบจุดไหนมาทำคอนเทนต์เพื่อยิงโฆษณาออกไป นอกจากนั้นก็ควรวิเคราะห์คู่แข่งทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วย
สำหรับ ‘คู่แข่งทางตรง’ ก็คือธุรกิจแบบเดียวกับสิ่งที่เราทำอยู่ ซึ่งควรทราบว่าคู่แข่งเป็นอย่างไรในปัจจุบัน เพราะจะทำให้ทราบว่าในตลาดโดยรวมของธุรกิจนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
เพราะลืมให้ความสำคัญในจุดนี้ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จได้ ซึ่งถ้าแบรนด์ไม่ทราบข้อเสียตัวเอง ก็อาจพลาดเมื่อวันหนึ่งมีแบรนด์คู่เเข่งหยิบข้อเสียของแบรนด์เรามาทำโฆษณา แล้วยิงโฆษณาให้เพื่อเข้าถึงคนจำนวนมาก
4. คอนเทนต์ คือหัวใจหลัก
คอนเทนต์ที่ดีเป็นส่วนสำคัญที่ทำยิงโฆษณาได้สำเร็จ หากคอนเทนต์ที่ทำออกมามีการนำเสนอไม่ดีก็จะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการยิงโฆษณาสูง และยังทำให้โฆษณาชิ้นนั้นไม่ประสบความสำเร็จด้วย แตกต่างกับการทำคอนเทนต์ดีๆ ที่ใช้งบประมาณในการยิงโฆษณาไม่มากก็ประสบความสำเร็จได้
โดยคอนเทนต์จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อทำได้ตรงตามสามข้อแรกข้างต้น ซึ่งหากอยากทราบว่าคอนเทนต์ที่อยู่ดีแล้วหรือยัง ให้ลองจินตนาการว่ากำลังเป็นลูกค้าที่จะซื้อสินค้า แล้วบังเอิญมาพบเห็นโฆษณาชิ้นนี้
เช่น สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งได้นำภาพหนังสือมาใส่ในหน้าจอโทรศัพท์มือถือ จากนั้นก็นั่งมองว่าภาพปกภาพไหนที่จะดึงดูดใจของนักอ่านมากที่สุด เป็นการเปลี่ยนวิธีการเลือกปกแบบเดิมที่นำหนังสือเป็นเล่มมาเลือกด้วยตาเปล่า เนื่องจากมีการเปลี่ยนไปทำประชาสัมพันธ์ทางออนไลน์เป็นหลัก
5. กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้พอดี
ควรเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ตรงตามกรอบในแบบไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป เพราะจะทำให้เสียโอกาสในการได้ลูกค้าบางกลุ่มไป
เช่น ขายสินค้าเป็นลิปสติกก็ไม่ควรเลือก Keyword แค่คำว่า ‘ลิปสติก’ เพราะพฤติกรรมในการเลือกซื้อเครื่องสำอางค์พฤติกรรมของผู้หญิงนั้น มักจะค้นหาสินค้าอย่างหนึ่งไม่ว่าจเป็น แป้งทาหน้า แต่ก็พร้อมซื้อสินค้าชนิดอื่นร่วมด้วยหากเกิดความสนใจ
ทำให้ควรเลือกยิงโฆษณาแบบหมวดใหญ่ ไม่ใช่หมวดย่อยๆ โดยหากสินค้าเป็นลิปติกก็ควรเลือกยิงโฆษณาไปในหมวด ‘เครื่องสำอางค์’ เพราะทำให้มีนักช้อปหลายคนมีโอกาสมองเห็นสินค้า
อีกความผิดพลาดคือการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ ‘กว้าง’ จนเกินไป เช่น กลุ่มผู้หญิง อายุ 20-50 เป็นการยิงแบบไม่ชัดเจนและเหวี่ยงแหมากจนเกินไป เพราะในกลุ่มนี้ถ้ามีนักช้อปจำนวน 10 คน ก็อาจมีเพียงแค่ 2 คนที่กำลังมองหา ‘เครื่องสำอางค์’ จึงควรเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ทำให้ผู้คนมีส่วนร่วมได้
6. งบประมาณไม่ใช่ทุกอย่าง
อย่ามองว่า ‘งบประมาณ’ คือจุดหลักจุดเดียวที่ทำให้ประสบความสำเร็จ เพราะถึงแม้ว่าใช้งบประมาณมากก็ไม่ได้ยืนยันว่าโฆษณาชิ้นนั้นจะสร้างยอดขายถล่มทลาย เพราะการจะประสบความสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับหัวใจสำคัญอย่าง ‘คอนเทนต์’ และการตั้งค่าในการโฆษณา ส่วนงบประมาณจะเป็นเหมือนตัวคูณที่ทำให้มีคนเห็นมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่ควรให้น้ำหนักที่งบประมาณเป็นหลัก
7. ติดตามผลอย่างใกล้ชิด
หลายคนมักคิดว่าเมื่อยิงโฆษณาไปแล้วต้องรออีก 3 วัน 7 วันถึงจะเห็นผล แต่จริงๆ แล้วเพียงแค่ไม่กี่ ชั่วโมงหลังจากที่โฆษณาถูกอนุมัติก็สามารถรู้ผลลัพธ์ได้แล้ว ดังนั้นจึงควรเข้ามาติดตามโฆษณาของตัวเองอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ทันเวลาไม่ต้องเสียเงินจำนวนมากไปแบบไม่ได้ผล
เช่น ถ้าตั้งงบประมาณโฆษณาสำหรับคอนเทนต์ตัวหนึ่งไว้ 100,000 บาทต่อวัน หากปล่อยไว้ 3 วัน จะเป็นจำนวนเงินรวมทั้งหมด 300,000 บาท หากโฆษณาดำเนินการไปเรื่อยๆ แล้วพบทีหลังว่าผลลัพธ์ไม่ดี จะเป็นการเสียเงิน แบบที่น่าเสียดาย ถ้าไม่ได้แก้ไขให้ทันเวลา
ดังนั้นจึงควรติดตามผลอย่างใล้ชิด ถ้าใน 2 ชั่วโมงแรกไม่ได้ผลก็ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบทันที ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาไม่ดี ก็ต้องย้อนกลับไปมองว่าคอนเทนต์ดีหรือยัง หรือตั้งค่าโฆษณาตัวนั้นผิดพลาดในจุดไหนไปหรือไม่ แต่หลักๆ มักจะให้น้ำหนักไปที่คอนเทนต์เป็นส่วนใหญ่
ทั้งหมดนี้คือวิธีที่เบื้องต้นที่อยากแนะนำ และเชื่อว่าจะทำให้การทำโฆษณาบน Facebook ได้ผลดีมากยิ่งขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก – ทรงคุณ พงษ์ถาวรสกุล – Mercury Digital