ปี 2017 กำลังจะจบลงแล้วก็จริง แต่หากประมวลเหตุการณ์ในรอบปีที่ผ่านมาคงต้องบอกว่า สำหรับธุรกิจ e-Commerce เราได้เห็นว่า ในปีนี้มีทั้งเสียงเฮและเสียงบ่นของคนค้าขายบนโลกออนไลน์ดังออกมาเป็นระยะ การจับจังหวะบนโลกออนไลน์ให้ได้เป็นความสามารถพื้นฐานของพ่อค้าแม่ค้าทุกคนอยู่แล้ว แต่สำหรับโลก e-Commerce เรายังมีอีก 8 ปัจจัยที่จะนำมาฝากกันเผื่อเป็นเครื่องมือเสริมทัพให้ธุรกิจบนโลก e-Commerce เจริญก้าวหน้ามากขึ้นด้วย จะมีอะไรบ้างนั้น ลองติดตามกันได้เลยค่ะ
1. Omnichannel ต้องมี
ต้องบอกว่าในปี 2016 – 2017 ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาแห่งการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์และออฟไลน์ให้เชื่อมต่อกันได้แบบ Seamless มากขึ้น และผลของมันจะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นในปีหน้านี้ โดยเราจะได้เห็นรูปแบบการช้อปออนไลน์ แต่ไปรับของที่ห้าง หรือช้อปจากห้างแต่ส่งของไปให้ที่บ้านโดยตรงมากขึ้น จนอาจจะกลายเป็นความคาดหวังปกติของลูกค้าในยุคต่อไปได้เลย ดังนั้น นี่จึงอาจเป็นสิ่งที่แต่ละแบรนด์ต้องสร้างสรรค์ออกมาว่าแนวทางใดจะตรงใจผู้บริโภคของตัวเองมากที่สุด
2. Same-day Delivery ต้องไหว
การแข่งขันของธุรกิจ e-Commerce จะมุ่งสู Same-Day Delivery มากขึ้นแน่นอนในปีหน้า ตามความคาดหวังของผู้ซื้อ ซึ่งผู้เล่นรายใหญ่ก็เริ่มเปิดตัวบริการจัดส่งสินค้าภายในวันเดียวออกมาแล้วในหลาย ๆ ประเทศ เช่น Lazada Express หรือ Amazon Prime Now ซึ่งเทรนด์เหล่านี้จะถูกนำมาเป็นโจทย์ในการแข่งขันของธุรกิจ e-Commerce ไทยในปีหน้าด้วยอย่างแน่นอน
3. Chat กับ bot ดูสักทีจะเป็นไร
จริงอยู่ที่ในปีนี้ การใช้แชทบ็อทอาจทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงความจริงใจของแบรนด์ เนื่องจากผู้บริโภคหลายคนยังรู้สึกว่าไม่อยากคุยกับแชทบ็อท แต่ในปีหน้า เป็นไปได้ว่า การนำแชทบ็อทมาใช้ช่วยตอบคำถาม หรือให้ข้อมูลลูกค้าจะกลายเป็นเรื่องปกติ และเป็นที่ยอมรับได้มากขึ้น และเป็นไปได้ว่า เราอาจเริ่มเห็นการปิดการขายด้วยบ็อทในแอปพลิเคชันประเภทส่งข้อความกันมากขึ้นในปีหน้านี้ด้วย
4. ลองใช้ Marketplace สร้างหน้าร้าน
ปัจจุบันมี Marketplace หลายแห่งที่จับมือกับแบรนด์ต่าง ๆ ให้สามารถสร้างหน้าร้านได้บนแพลตฟอร์มของตัวเอง ซึ่งการไปสร้างหน้าร้านในลักษณะนี้ก็อาจพบเห็นได้มากขึ้นในปี 2018 โดยเฉพาะจากแบรนด์ข้ามชาติที่ต้องการเจาะตลาดออนไลน์ในบ้านเรา
5. รองรับ Mobile Payment ได้
มีหลายเหตุผลที่คนทำ e-Commerce ต้องใส่ใจเรื่องของ Mobile Payment ให้มากขึ้นในปี 2018 ประการแรกคือ เครื่องมือของบ้านเราตอนนี้ค่อนข้างพร้อมมากแล้วสำหรับการเป็น Cashless Society เรามีทั้งพร้อมเพย์ มีทั้ง QR Code มีทั้ง e-Wallet หลายค่ายให้เลือกใช้ หรือหากจะรับนักท่องเที่ยวจีน ทั้ง WeChat Pay และ Alipay ก็เดินหน้าให้ความรู้กับธุรกิจ SME ไทยกันอย่างเต็มที่ ดังนั้น เข้าหาโอกาสเหล่านี้ และใช้ให้เต็มที่ในปี 2018
6. ให้ Blockchain กับ Bitcoin ช่วยผสาน
เป็นงานด้านความปลอดภัย ความโปร่งใส และความสะดวกสบายของผู้บริโภค รวมถึงผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรม e-Commerce เลยก็ว่าได้ โดยในตอนนี้เริ่มมีหลายประเทศเพื่อนบ้านรอบตัวเราที่สนใจนำ Bitcoin & Blockchain มาใช้ใน e-Commerce มากขึ้น เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น
7. อย่าลืมฟังนโยบายจากรัฐบาล
ในปีหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อตลาด e-Commerce ทั่วโลก นั่นคือ GDPR หรือ General Data Protection Regulation ของสหภาพยุโรป โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลของลูกค้าที่ทางฝ่ายร้านค้าปลีกจะต้องขออนุญาตก่อนจึงจะสามารถจัดเก็บ หรือทำโปรไฟล์ได้ ใครที่ต้องเจรจาค้าขายกับ EU จึงอาจต้องเตรียมนตัวเอาไว้แต่เนิ่น ๆ
8. สร้างช่องทาง “งาน + รายได้” ด้วยตัวเอง
อาวุธที่สำคัญตัวสุดท้ายอาจเป็นการสร้างช่องทางใหม่ ๆ ให้ตัวเอง เหมือนเช่นที่เว็บไซต์ Shoppee จัดมหกรรมช้อปปิ้ง 9/9 ของตัวเองขึ้นมาเอง ไม่ต้องสนกระแสของยักษ์ใหญ่ที่จัด 11/11 หรือ 12/12 การมองหาช่องทางที่เหมาะกับแบรนด์ตัวเอง และใช้ช่องทางนั้นสร้างโอกาสใหม่ ๆ ขึ้นมา ก็น่าจะทำให้ปี 2018 เป็นปีที่หลายธุรกิจประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ CampaignAsia