ต้องบอกว่า เราได้เข้าสู่ปี 2018 แล้วอย่างเป็นทางการ ซึ่งในปีนี้ ความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาของเรามาจาก 8 วงการใหญ่ ๆ ส่วนจะมีวงการอะไรบ้างนั้น อยากชวนไปติดตามกันเลย
1. Blockchain
การใช้งาน Blockchain จะขยายตัวมากขึ้นในปี 2018 นี้กับหลายวงการ ทั้งการเงิน การบริหารจัดการ ไปจนถึงการให้สวัสดิการแก่คนยากจน เนื่องจาก Blockchain สามารถช่วยป้องกันการรั่วไหลของเงิน เพื่อให้เงินตกถึงมือผู้ยากไร้ได้มากที่สุด
ขอยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นไม่นานนี้กับแนวคิดของบริษัทแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า Blockchain for Change โดยบริษัทดังกล่าวได้พัฒนาแอปพลิเคชันตัวหนึ่งชื่อว่า Fummi ซึ่งจะติดตั้งลงในสมาร์ทโฟนและแจกจ่ายให้กับคนไร้บ้านในสหรัฐอเมริกาเป็นการเฉพาะ เพื่อให้คนไร้บ้านเหล่านี้มี Smart ID และสามารถใช้ Smart ID นั้นเข้าถึงบริการต่าง ๆ ที่จำเป็นกับชีวิตได้ เช่น ใช้บริการห้องอาบน้ำ หรือบริการตัดผม นอกจากนั้นยังมี SmartWallet สำหรับเป็นที่เก็บเงินดิจิทัลให้กับคนยากไร้ด้วย
สำหรับโครงการนี้จะแจกจ่ายสมาร์ทโฟนให้กับคนไร้บ้านในย่านนิวยอร์ก 3,000 คน ซึ่งทางกลุ่มจะสร้าง Identity บนบล็อกเชนให้กับคนยากไร้ และเมื่อพวกเขามีระบบนี้อยู่ในมือ พวกเขาสามารถเปิดแอคเคาน์ รับเงิน และเข้าใช้บริการต่าง ๆ ที่ให้บริการได้ เช่น ไปอาบน้ำ ตัดผม ซื้อเสื้อผ้า รับประทานอาหาร ฯลฯ ซึ่งทาง Blockchain for Change หวังว่า โครงการนี้จะช่วยให้คนไร้บ้านได้สร้างชีวิตใหม่ในแบบที่ตัวเองต้องการด้วย
ความน่าสนใจของโครงการนี้อยู่ที่การประยุกต์ใช้บล็อกเชนกับคนยากจนร่วมกับการแจกสมาร์ทโฟน เพื่อให้คนยากไร้สามารถมอนิเตอร์การใช้งานได้ด้วยตัวเอง ซึ่งอาจมองได้ว่าบล็อกเชนและสมาร์ทโฟนน่าจะเป็นเครื่องมือที่ดีและแม่นยำในการให้ความช่วยเหลือได้มากกว่าความช่วยเหลือในรูปแบบอื่น ๆ ที่มีในปัจจุบันนี้ก็เป็นได้
ดังนั้นในปี 2018 เรื่องของ Blockchain ก็น่าจะสร้างความตื่นเต้นให้กับพวกเราได้อีกมากเช่นกัน และไม่แน่ว่ามันอาจเข้ามาอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด
2. Artificial Intelligence
AI จะเข้ามามีบทบาทกับทุกวงการ ตั้งแต่ Self-Driving Car ไปจนถึงการซื้อของชิ้นเล็ก ๆ สักชิ้น และมาโดยที่เราหลายคนไม่ทันรู้สึกตัว ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าเสิร์ชเอนจิน หรือ Programmatic Ads ต่าง ๆ ทุกวันนี้ก็ทำงานโดย AI อยู่แล้ว
3. Voice Assistants
ในปีนี้ เรื่องของ Voice Assistants น่าจะเป็นสิ่งที่นักการตลาดให้ความสนใจมากขึ้นเนื่องจากในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ยอดขายลำโพงอัจฉริยะของ Amazon และ Google นั้นถูกยกให้เป็นสินค้าขายดีส่งท้ายปี แม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขจาก Amazon และ Google ว่าขายได้เท่าไร แต่หากมาดูใน App Store และ Google Play Store จะพบว่ายอดดาวน์โหลด Alexa นั้นสูงมากจนติดท็อปไฟว์กันเลยนั่นเอง
ขณะที่การคาดการณ์ของบริษัทที่ปรึกษา Activate ก็พบว่า มีแนวโน้มที่ลำโพงอัจฉริยะนี้จากเดิมที่มีจำนวนอยู่ที่ 24 ล้านเครื่องทั่วโลก จะขยายตัวจนกลายเป็น 41 ล้านเครื่องทั่วโลกในปี 2019 ประกอบกับว่า การใช้งานอุปกรณ์ที่สั่งการด้วยเสียงได้นี้มีแนวโน้มจะทำให้ผู้บริโภคเกิดความผูกพัน คุ้นเคยได้ง่ายกว่าอุปกรณ์แบบอื่น ด้วยเหตุนี้เทรนด์ในปี 2018 เราจึงมีโอกาสได้เห็นพับลิชเชอร์ต่าง ๆ ทำแพกเกจโฆษณาที่เป็น Audio มากขึ้น
อย่างไรก็ดี ความท้าทายของตลาดนี้ก็คือการให้ความรู้แก่ผู้บริโภคถึงการใช้งานลำโพงให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
4. Retail
ธุรกิจค้าปลีกเป็นอีกหนึ่งตลาดที่พบวิธีสร้างความแตกต่างในการให้บริการของตัวเองแล้วว่าจะผสานเทคโนโลยีดิจิทัลลงไปในจุดใดจึงจะได้ผลดี ดังที่เราได้เห็นการปรับตัวของธุรกิจค้าปลีกหลายรายตลอดปี 2017 ที่ผ่านมา รวมไปถึงการเปิด Flagship Store สาขา 10001 ของ 7-eleven ในบ้านเรานี้เอง ซึ่งความสามารถในการผสานเทคโนโลยีนี้จะทำให้ตลาดค้าปลีกสามารถดึงดูดคอนซูเมอร์ยุคใหม่อย่างกลุ่มมิลเลนเนียลได้ดียิ่งขึ้นผ่านเทคโนโลยีที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เช่น Location-based Mobile Alert
5. e-Commerce
นอกจากธุรกิจค้าปลีกที่มีประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาสร้างประสบการณ์ในการช้อปปิ้งแล้ว ฟากของธุรกิจ e-Commerce ก็น่าจะเป็นปีที่เราได้เห็นการใช้ AI เข้ามาช่วยแนะนำสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อได้มากยิ่งขึ้น และ Personalized มากขึ้นด้วย
แต่ส่วนหนึ่งคงต้องยอมรับว่า การประยุกต์ใช้ AI กับร้านค้า e-Commerce ทั่วไปนั้นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่ไม่ธรรมดา เราจึงอาจเห็นพาร์ทเนอร์แบบใหม่ ของธุรกิจร้านค้าออนไลน์กับสตาร์ทอัปด้าน AI Commerce เกิดขึ้นด้วย
6. CyberSecurity
ในปี 2017 บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง WPP ตกเป็นข่าวดังเมื่อโดน Ransomware เล่นงานจนบริษัทตกอยู่ในภาวะจอดสนิท ไม่สามารถทำงานได้ แต่ในปีนี้ เป็นไปได้ว่า การโจมตีเหล่านั้นจะรุนแรงขึ้นด้วยบ็อทที่ฉลาดขึ้น ซึ่งเป้าหมายต่อไปสำหรับ Ransomware จากรายงานของ Fortinet คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นเหยื่อในกลุ่มผู้ให้บริการระบบคลาวด์และบริการเชิงพาณิชย์อื่น ๆ และเป็นไปได้ว่า อาชญากรไซเบอร์จะเริ่มรวมเทคโนโลยี AI เข้ามาในการโจมตีด้วย เพื่อให้ AI สแกนหาจุดอ่อนไปด้วยในตัว
นอกจากนั้น เราจะเริ่มเห็นมัลแวร์ที่สร้างขึ้นโดย AI ที่อาจเก่งขนาดหลบเลี่ยงการตรวจจับได้เอง และพุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์อย่างโทรศัพท์มือถือมากขึ้นด้วย
ช่องโหว่ที่นำภัยมาสู่ระบบนั้น นอกจากคนแล้วก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากอุปกรณ์ IoT ที่เมืองหลายแห่งนำเข้ามาใช้เพื่อยกระดับเมืองธรรมดา ๆ ให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะนั่นเอง
7. Content
เหตุที่กล่าวว่าแวดวงการผลิตคอนเทนต์เป็นที่น่าจับตาในปีนี้มาจากการแผ่ขยายอำนาจของแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ ทั้ง Apple, Amazon, Google และ Facebook ที่จะแข่งขันกันสร้างคอนเทนต์ของตัวเองมากขึ้น และจะมีการทุ่มเงินอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คอนเทนต์ที่มีในมือนั้นสามารถดึงดูดผู้ใช้งาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่แน่ใจว่าผลตอบรับจากการสร้างคอนเทนต์นั้นจะคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่
8. AR
ตลาด AR ในปีที่ผ่านมาถูกใช้งานมากขึ้นก็จริง แต่ก็ยังกระจุกตัวอยู่บนหน้าจอสมาร์ทโฟน ซึ่งความคาดหวังของเราในปีนี้คือ การเปิดตัวเครื่องมือใหม่ ๆ ที่จะทำให้การใช้ AR เกิดขึ้นในวงกว้างได้มากกว่ากระจุกตัวอยู่บนหน้าจอสมาร์ทโฟน เพราะในความเป็นจริงแล้ว อุปกรณ์เช่น แว่นอัจฉริยะน่าจะเหมาะกับการใช้งานเทคโนโลยี AR มากกว่าอุปกรณ์เช่น สมาร์ทโฟนที่ต้องใช้สองมือถือนั่นเอง
แหล่งที่มา
digiday
SpringWise
MSN
BusinessInsider
Forbes