ถ้าคุณแอบใช้โซเชียลมีเดียหรือแชทในเวลางาน เมาท์แตกกับเพื่อนร่วมงานจนติดลม รู้สึกวอกแวกไม่มีสมาธิจดจ่อกับงานที่อยู่ตรงหน้า คุณไม่ได้เป็นแบบนี้คนเดียวหรอก
อ้างอิงจากผลการสำรวจครั้งล่าสุดโดย Virgin Pulse พนักงานจำนวน 95% ใช้เวลา 2 ชั่วโมงต่อวันในการโฟกัสกับเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องงาน ตัวอย่างที่ยกมาข้างต้นคือพฤติกรรมตัวอย่างของ “เรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่เรื่องงาน”
ลองมาเดากันมั้ยคะว่าอะไรคือเหตุผลสำคัญบื้องหลังสถิติที่น่าตกใจ (สำหรับนายจ้างและหัวหน้างาน)
ไม่ใช่การใช้โซเชียลมีเดีย ไม่ใช่การชิทแชทกับเพื่อนร่วมงาน แต่ผลการสำรวจระบุว่าการมีชีวิตแบบไม่ Healthy ต่างหาก ที่เป็นสาเหตุที่แท้จริงในการล้างผลาญ working hours ไปโดยเปล่าประโยชน์ในแต่ละวัน
จากการสำรวจพนักงานจำนวน 1,000 คนในสหรัฐฯ พบว่าการขาดประสิทธิภาพในการทำงานนั้นเกี่ยวกับการอดนอน การออกกำลังกาย และโภชนาการ สิ่งเหล่านี้ทำให้พนักงาน 76% รู้สึกเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งสัปดาห์ถึงแม้ว่าในสัปดาห์นั้นพวกเขาไม่ได้เจองานหนักๆ ก็ตาม พนักงานเหล่านี้ใช้เวลาไปกับการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน (แต่ไม่ได้คุยเรื่องงาน) และโซเชียลเน็ตเวิร์ก รวมไปถึงการช้อปปิ้งสินค้าในเว็บไซต์ต่างๆ
พนักงานส่วนมากพูดตรงกันว่าการออกกำลังกาย การเข้านอนในเวลาที่เหมาะสม และการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพจะทำให้พวกเขามีสมาธิจดจ่อกับงานมากขึ้น และพวกเขาก็อยากจะปรับปรุงพฤติกรรมเหล่านี้ของตัวเองให้ดีขึ้น
นั่นคือสิ่งที่พวกเขาพูด แต่สิ่งที่ทำได้นั้นตรงกันข้าม เพราะโดยมากแล้ว พนักงานเหล่านี้แทบจะไม่ได้ขยับร่างกายเลยในแต่ละวัน แถมยังนอนไม่พออีกต่างหาก ส่วนเรื่องกินก็ลืมไปได้เลย เพราะจากผลการสำรวจระบุว่าพวกเขาแทบจะไม่ได้กินผักหรือผลไม้เลยด้วยซ้ำ
ถ้ายังพอจำกันได้ เราเคยนำเสนอบทความเรื่องเทรนด์การใช้สวัสดิการด้านสุขภาพมาเอาใจพนักงานใน Silicon valley ดูจากผลการสำรวจนี้แล้วก็ถึงบางอ้อว่าทำไมมันจึงเป็นเช่นนั้น
และเมื่อดูจากสถิติเหล่านี้แล้ว คนเป็นนายจ้างหรือหัวหน้างานอาจจะมี 2 ทางเลือก คือ 1). สนับสนุนให้พนักงานมีพฤติกรรมสุขภาพ เช่น สร้างระบบที่ทำให้พนักงานไปออกกำลังกายได้สะดวกมากขึ้น ล้มเลิกวิธีคิดประเภท “คนกลับช้าที่สุดคือคนที่ทุ่มเทกับงานมากที่สุด” จัดหามื้อกลางวันที่ดีต่อสุขภาพมาให้พนักงาน เป็นต้น หรือ 2). บล็อกทุกเว็บหรือห้ามใช้อินเทอร์เน็ตในเวลางาน เพ่งเล็งคนที่พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานบ่อยๆ ซึ่งมันก็ฟังดูสุดโต่งมาก แต่เชื่อเถอะว่ามีหลายๆ บริษัทเลือกใช้วิธีนี้