เอ วราวุธ เจนธนากุล CEO ของ Zense Entertainment บริษัทที่ผลิตรายการโทรทัศน์ให้กับหลายๆ ช่อง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทฮาไม่จำกัด ตกสิบหยิบล้าน The Money Drop ไทยแลนด์ ไปจนถึงลูกทุ่งไอดอล
ซึ่งเขาเล่าให้ thumbsup ฟังว่าอยากพาคอนเทนต์ไทยไปขายในตลาดต่างประเทศ ลองมาดูกันว่าเขามีแนวคิดอย่างไรในการทำธุรกิจบันเทิงยุคปัจจุบันที่แข่งขันกันสูงแบบนี้
ZENSE Entertainment ทำอะไรมาบ้าง
วราวุธ : มีประสบการณ์เกือบๆ จะ 10 ปีแล้วในการทำคอนเทนต์ในประเทศไทย โดยเราเริ่มจากรายการแรกที่ชื่อว่า ‘ศึกน้ำผึ่งพระจันทร์’ ทางช่อง 5 เมื่อสักเกือบสิบปีที่แล้ว ปัจจุบันเราก็ผลิตรายการมาแล้วกว่า 40 กว่ารายการ
อยู่รอดได้อย่างไรในวันที่คอนเทนต์ออนไลน์เต็มไปหมด
วราวุธ : ต้องมีการปรับตัวให้เข้าออนไลน์ โดยเฉพาะเกี่ยวกับรายการที่เราซื้อรูปแบบต่างประเทศแล้วมาผลิตเอง ปัจจุบันนี้เรามีรายการที่พูดง่ายๆ เราก็สร้างแอปพลิเคชันเพื่อที่จะเล่นตามรายการไปได้ด้วย
นั่นคือรายการชื่อ ‘แหวน 5 ท้าแสน’ หรือ 5 Golden Rings เป็นรูปแบบจากบริษัท Talpa ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นรายการที่เล่นไปกับภาพ เล่นตามรายการได้เลยครึ่งชั่วโมง ถ้าใครทำคะแนนได้สูงสุดก็จะได้รับเงินรางวัลกลับบ้านไป นี่ก็เป็นหนึ่งตัวอย่างที่ต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุค
ทำไมควรมีแพลตฟอร์มเฉพาะของฟรีทีวี
วราวุธ : ถ้าลองดูจะพบว่า YouTuber นั้นต้นทุนในการทำคอนเทนต์ต่อครึ่งชั่วโมง ต่อหนึ่งชั่วโมงน้อยกว่าทำรายการโทรทัศน์ แต่เวลานับยอด View คุณนับเท่ากัน
ซึ่งคอนเทนต์โทรทัศน์ผมไม่สามารถใช้ภาษาแบบเป็นเพื่อนกัน หรือเป็นกันเองได้มากขนาดนั้น เพราะฉะนั้นเลเวลของของคอนเทนต์มันก็ค่อนข้างแตกต่างกัน
เพราะฉะนั้นถ้าถามผมเพื่อเป็นประโยชน์กับทั้งอุตสาหกรรม ผมเองได้มีโอกาสคุยกับผู้ใหญ่หลายๆ คนก็ยังบอกว่าเราควรที่จะมี ‘แพลตฟอร์ม’ ที่เป็นเฉพาะ Content Provider ลักษณะของฟรีทีวีแยกต่างหาก ไม่ควรไปอยู่รวมกัน
เพราะต้นทุนแตกต่างกัน อย่างผมทำรายการโทรทัศน์ ถ่ายรายการครั้งหนึ่ง ใช้คนเป็นร้อยๆ คน เพราะฉะนั้นแพลตฟอร์มดูออนไลน์ย้อนหลังเป็นประเภทที่แตกต่างกัน แต่ผมส่งเสริมให้มี Youtuber ต่อไปนะไม่ใช่บอกว่าไม่ควรมี เพียงแต่ว่าควรจะแยกให้มันชัดเจนมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของการใช้งบประมาณโฆษณาให้ถูก
เคยพลาดไหมแล้วต้องทำรายการอย่างไรให้เรตติ้งดี
วราวุธ : ผมว่ามันก็มีบ้าง แต่คำว่า ‘แป๊ก’ ของเราคือเราก็ยังอยู่ในมาตรฐานที่ดี เพียงแต่ว่ามันควรจะต้องดีกว่านี้ เราก็ไม่เคยทำรายการแบบ พลาดไปเลยขนาดนั้นนะ ถ้าจะเอาจากสถิติของเราสิ่งที่เราเรียนรู้มาแต่ละครั้งมันคือการปรับ หรือขยับให้มันตรงกับรูปแบบคนดูมากขึ้น
ในเนื้อหารายการเดียวกันบางทีการตัดต่อก็สำคัญ การแบ่งช่วงเวลาก็สำคัญ การที่จะตอบโจทย์การแข่งขัน ระหว่างในช่วงเวลาเดียวกันกับช่องอื่นๆ ก็สำคัญ ผมรับผิดชอบช่วงสมมติชั่วโมงหนึ่งผมพล็อตเรตติ้งรายนาทีเลย
ผมก็จะดูเลยว่าแนวโน้มของเส้นเรตติ้งของผม อยู่ในระดับที่เราน่าจะพอใจไหม รายการสมมตินะครับบางรายการเรตติ้งดีนะครับ เผอิญโชคดีรายการข้างหน้าเรตติ้งสูง
แต่ตัวรายการของตัวคุณเองทำให้ทุกอย่างไหลลงมาหมด พอหารออกมาถือว่าสูง แต่พอคุณมาพล็อตรายนาที แปลว่าคนดูเปลี่ยนคุณตลอดทางเลยนะ คนดูไม่ดูคุณเลยนะ
ถ้าย้อนดูจะพบว่ารายการของ ZENSE ทุกรายการเป็นรายการที่มีเรตติ้งสูงขึ้นตลอดทาง เราเอาตรงนี้มานั่งวิเคราะห์เราเอามาปรับ แล้วเราก็เอามาจูนดูว่า เอ๊ะ..คนดูชอบรายการนี้ตรงช่วงไหน
ทำไมชอบซื้อรูปแบบรายการจากต่างประเทศ
วราวุธ : มีหลายๆ คนก็ถามผมว่า ทำไม ZENSE ชอบซื้อรายการจากต่างประเทศ ผมก็ไม่ได้มีโอกาสตอบเขาตรงๆ นะครับ
ก็คงคิดว่าผมทำเป็นแต่ซื้อจริงๆ ผมบอกไม่ใช่หรอก ผมเรียนรู้ ผมซื้อหนังสือ เราจะมีหนังสือภาษาไทยเขียนโดยอาจารย์คนไทย กับหนังสือที่เขียนโดยฝรั่ง ผมซื้อหนังสือฝรั่งมานั่งอ่าน เพราะโลกเขากว้างกว่าเรา
เขาเห็นตัวอย่างมาเยอะกว่าเรา การที่เขาจะผลิตรายการได้มันถูกคิดมาเป็นขั้นตอนหมดแล้วกว่าเขาจะมาขายคุณได้ เขาไปทำมาหลากหลายประเทศทั่วโลก เขาเรียนรู้มาให้เราแล้ว เพียงแต่ว่าการซื้อของเราในวันนั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่านั้นคือการเรียนรู้ของเรา
จากวันนี้เป็นต้นไป ZENSE เองก็อยากจะเป็น Content Provider ระดับโลกที่มีรายการที่มี ‘รูปแบบ’ ที่ผลิตขึ้นมาที่คิดขึ้นมา สามารถเอาไปขายได้ทั่วโลก
ได้ว่ากว่าจะได้ซื้อรายการแรกได้นั้นไม่ง่าย
วราวุธ :
ย้อนไปผมจำวันที่ผมไปเดินที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศสได้ มันเป็นวันแรกเมื่อสัก 7 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมไปเดินวันแรก ซึ่งผมแจกนามบัตรเพื่อที่อยากจะเข้าไปดูรายการเขาเพื่อที่จะซื้อรายการจากต่างชาติ
ผมบอกเลยนะไม่มีบริษัทไหนรับนัดผมเลย ผมจำได้ว่า 4 วันเต็มๆ ที่เดินไปไม่ใช่แค่วันเดียวนะครับ 4 วันเต็มๆ ในช่วงระยะเวลางานนั้น แต่ก็ไม่มีใครรับนัดเราเลย พอกลับเมืองไทยผมนั่งเขียนอีเมล์อีกคิดว่าไม่ต่ำกว่าพันฉบับ ใน 3 เวลาหลังอาหาร ซึ่งผมเขียนทุกวัน เป็นระยะเวลาประมาณเดือนหนึ่ง วันหนึ่งมี CEO ติดต่อกลับผมมา
เราก็พูดคุยกันและนั่นคือรายการแรกที่เราซื้อมา นั่นก็คือ ‘The Money Drop Thailand’ เราพยายามเพื่อที่เราอยากจะไปอยู่ในระดับที่ต่างชาติยอมรับ ในประเทศใหญ่ๆ ที่เป็น Format Distributor ทำงานกับเราหมดแล้ว
การมี ‘รูปแบบรายการ’ นั้นดีอย่างไร
วราวุธ : ผมยกตัวอย่างบริษัทหนึ่งแล้วกันก็เป็นบริษัทที่ทำงานร่วมกับเราอยู่ชื่อบริษัท Talpa เป็นบริษัทจากเนเธอร์แลนด์ บริษัทนี้แข็งแรง และประสบความสำเร็จ และยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ผมว่าด้วยรูปแบบหลักๆ สองรายการ
รายการหนึ่งคือ Big Brother ส่วนรายการที่สองคือ The Voice แค่สองรูปแบบนี้ ต้องบอกเลยนี่คือจุดหลักๆ ในการสร้างรายได้ให้กับทั้งบริษัท
คิดง่ายๆ เลยครับ The Voice ถ้าผมจำไม่ผิดมีการทำมาเกือบๆ 80-90 ประเทศทั่วโลก โดยมีรายการทุกปี อย่างในหลายๆ ประเทศก็เป็นซีซันที 8-9 แล้ว ลองคิดดูว่าถ้าคุณสามารถคิดรูปแบบขึ้นแล้วขายได้ใน 90 ประเทศ ในแบบเป็นซีซัน
ซึ่งผมเชื่อว่ารูปแบบเขาไม่ต่ำกว่า 30-40 ล้านบาท คำนวณดูปีหนึ่งสมมติ 40 ก็ได้ครับ ถ้าจับตัวเลขมาคูณเร็วๆ 40 ล้าน ใน 90 ประเทศก็ตกที่ 3,000 กว่าล้านบาทแล้ว ซึ่งมูลค่าที่ว่านี้นี่คือมูลค่าความคิดของคุณ
ชมคลิปสัมภาษณ์ :