วันนี้ “กลุ่มธุรกิจค้าปลีก” คือแชมป์ผู้ซื้อโฆษณาดิจิตอลรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ล่าสุดกลุ่มธุรกิจนี้ถูกประเมินว่าจะเพิ่มเม็ดเงินการใช้จ่ายอีก 14% จนมีมูลค่ารวม 9.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ ก่อนจะเพิ่มทะลุหลัก 1.04 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีหน้า
อ้างอิงการสำรวจจาก eMarketer พบว่าผู้ค้าปลีกอเมริกันเทเม็ดเงินลงโฆษณาดิจิตอลจนครอบส่วนแบ่งเกือบ 1 ใน 4 ของตลาด (22.3%) โดยสัดส่วน 22.3% ถือเป็นส่วนแบ่งสูงสุดเมื่อเทียบกับการลงโฆษณาดิจิตอลบนอุตสาหกรรมอื่น
การศึกษาของ eMarketer พบว่า 2 ใน 3 ของการลงโฆษณาดิจิตอลในกลุ่มผู้ค้าปลีก นั้นเป็นการลงทุนในโฆษณากลุ่ม direct response ad ซึ่งเป็นโฆษณาที่นำไปสู่หน้าขาย ไม่ใช่โฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์แบรนด์ โดยโฆษณาลักษณะนี้ประกอบด้วยรูปแบบหลากหลาย ทั้งการลงโฆษณาในระบบเสิร์ช และการส่งข้อความ SMS
สำหรับปีหน้า 2014 การสำรวจพบว่าผู้ค้าปลีกอเมริกันจะเทเงินซื้อสื่อโฆษณาดิจิตอลเป็นมูลค่ามากกว่า 1.04 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนจะเพิ่มเป็น 1.33 หมื่นล้านเหรียญในปี 2017 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า
สำหรับอุตสาหกรรมอื่น เช่น กลุ่มผู้ให้บริการการเงิน, การท่องเที่ยว, และแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภค ก็เชื่อว่าจะมีอัตราการซื้อสื่อโฆษณาดิจิตอลเพิ่มขึ้นในช่วง 5 ปีข้างหน้าเช่นกัน โดยกลุ่มการเงินและท่องเที่ยวจะลงโฆษณาที่นำผู้อ่านไปสู่เพจขายโดยตรง ขณะที่กลุ่มแบรนด์จะเน้นโฆษณาเพื่อสร้างภาพลักษณ์ในรูปแบนเนอร์โฆษณาและมัลติมีเดียมากขึ้น
รายงานระบุว่า กลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพและยาจะเป็นกลุ่มที่ไม่มีการเทงบซื้อโฆษณาดิจิตอลมากเท่ากลุ่มอื่น โดยคาดว่าจะมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพียง 6.4% ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าอัตราเติบโตเฉลี่ยของยอดเงินซื้อโฆษณาดิจิตอลในสหรัฐฯที่อยู่ในระดับ 14%
เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค และกลุ่มผู้ประกอบการโทรคมนาคม คาดว่าจะลงทุนซื้อโฆษณาดิจิตอลในอัตราเติบโต 12.5% และ 11.1% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเช่นกัน
สำหรับเมืองไทยการลงสื่อโฆษณาดิจิตอลนั้นยังเป็นการลงจากแบรนด์ใหญ่ๆ อยู่ ไม่ใช่กลุ่มธุรกิจค้าปลีกแบบที่อเมริกาเป็น ถ้าดูตัวเลขผู้ค้าปลีกในบ้านเรายังลงโฆษณาดิจิตอลอยู่แค่ราวๆ 0.8% ซึ่งนับว่าแตกต่างกันมาก แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ก็แสดงว่าการซื้อโฆษณาดิจิตอลของกลุ่มผู้ค้าปลีกยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก หรือไม่ก็เป็นเพราะเรายังเก็บตัวเลขอย่างเป็นทางการได้ไม่พอ
ที่มา: Mashable