อันนี้ต้องขอออกตัวก่อนว่า ไม่แน่ใจว่าเก็บมาได้ครบหรือไม่ เพราะผู้เขียนไม่คุ้นเคยกับวงการมวยและเวลาสัมภาษณ์กลุ่มมีเพียงน้อยนิด เพราะคุณชาตรีมีนัดต่อ แต่เพียงได้คุยสั้นๆ ก็รับรู้ได้ถึงพลังและแรงผลักดันอันเต็มเปี่ยมที่น่าสนใจของเขาบนเวที ADOBE SYMPOSIUM ที่ประเทศสิงคโปร์
สร้างคอนเทนต์ให้เกิด
หากค้นประวัติของ ชาตรี ศิษย์ยอดธง ใน Google จะมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับเขา พร้อมคำพาดหัวที่ตอกย้ำเส้นทางชีวติจากคนไร้บ้านสู่เจ้าของธุรกิจหมื่นล้านความโดดเด่นของเขาคือการนำ “คอนเทนต์” มาปั้นจนโด่งดัง
บนเวที ADOBE SYMPOSIUM เขาได้จุดไฟนักสู้ให้เหล่านักการตลาดจากองค์กรต่างๆ ที่มานั่งฟังภายในงาน ด้วยการโชว์สั้นๆ จากนักมวยสองท่าน ก่อนจะเปิดความเป็นมาของอาชีพนักสู้ว่าพวกเขาคือ “Heroes” ด้วยทักษะจาก MBA ของ Harvard Business School (HBS) จากสหรัฐอเมริกา ทำให้ชาตรีรู้ว่า “คอนเทนต์” ของเขาควรเดินหน้าไปในทางไหน
“ทุกคนรู้จักคำว่า “นักมวย” ซึ่งเป็นที่รู้จักไม่ว่าคุณเดินไปที่ใดในเอเชียก็จะเจอ แต่น่าแปลกที่อาชีพนี้รายได้น้อยทั้งที่พวกเขาโด่งดังในคนกลุ่มเล็กๆ มากและยังไม่มีใคร “มองภาพออก” ว่าควรจะหยิบแง่มุมใดของนักมวยมาเป็นจุดเด่นและสร้างให้พวกเขาเป็นที่รู้จัก มีรายได้และได้รับการยอมรับไปทั่วโลก” ชาตรี กล่าว
สิ่งที่ One Championship ทำนั้น ไม่ใช่แค่การหา รอบชกให้พวกเขา แต่ต้องการจะสร้างจุดเด่นให้พวกเขาเป็นที่รู้จัก เพื่อที่จะปั้นรายได้จากช่องทางอื่นๆ เพิ่มเติมจากการชกมวยให้พวกเขาอยู่รอด ซึ่งในโลกของ Social media ครองเมือง บอกได้ว่านั่นคือเวทีและโอกาสที่จะทำให้นักมวยธรรมดากลายเป็นฮีโร่ในข้ามคืน
ตัวเลขไม่ใช่ทุกอย่าง
ด้วยโอกาสและมูลค่าทางตลาดของอุตสาหกรรมกีฬานั้นมีเยอะมากโดยเฉพาะเอเชียที่มี Market Size แตะ 4,200 ล้านเหรียญ เรียกได้ว่ามากกว่ายุโรปและสหรัฐอเมริกาเสียอีก แต่กลับไม่รู้ว่าจะนำมาใช้ประโยชน์อย่างไร
“เราเรียนรู้ทุกอย่างจากประสบการณ์ เพื่อให้การถ่ายทอดเรื่องราวเป็นไปอย่างคุ้มค่า เปิดรับเทคโนโลยีใหม่และใช้งานอย่างเหมาะสม”
การเดินหน้าแบรนด์ที่ดีต้องรู้จักสร้าง Story ที่เหมาะกับแบรนด์ รู้จักตัวเอง และภาพที่คนอื่นมองเราให้ชัดเจนก่อน ทีมงานของ One ChampionShips หาข้อมูลจากทุกโซเชียลมีเดีย มองภาพให้ชัดและส่งต่อให้ตรงจุดที่สุด เพื่อสร้างโอกาสและรายได้ให้มั่นคง แม้นักการตลาดยุคใหม่จะมีความสามารถในเครื่องมือมากกว่า แต่พวกเขาใส่ใจเรื่องตัวเลขมากเกินไป ซึ่งที่จริงแล้วสิ่งนี้ไม่ได้สำคัญเลยกับการทำธุรกิจให้ขยายไปทั่วโลก
“คุณควรรู้ก่อนว่า ตัวเลขเป็นเพียงปัจจัยภายนอก คุณจะทำโปรโมชั่นเพื่อให้มีตัวเลขคลิก Like ในเพจกี่สิบล้านรายก็ได้ แต่ถ้าไม่มีคอนเทนต์ที่เหมาะสม พวกเขาก็ไม่ติดตามต่อ ทุกอย่างจะอยู่ได้ไม่คงทน แล้วจะเสียเงินเพื่อทำสิ่งเหล่านี้เพื่ออะไร”
การทำตลาดยุคนี้คือ เปิดรับเทคโนโลยีและมองหาเครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อที่จะได้สร้างสรรค์ผลงานและดึงดูดความน่าสนใจให้มากกว่าแค่ปั่นยอดคนติดตาม ต้องเปิดโลกให้กว้างกว่าเดิม ทดลองทุกอย่างจะได้รู้ว่าสิ่งไหนเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ไม่ต้องรอเครื่องมือไหนดี สำเร็จรูปแล้วค่อยใช้งาน ถ้าไม่เปิดรับความต่างให้ได้เหมือนอย่างแบรนด์ Apple ที่เดินหน้าพัฒนาสินค้าและระบบปฏิบัติการณ์ต่างๆ วันนี้เราคงไม่มี Iphone ให้ใช้งานกัน
แล้วคุณล่ะเปิดมุมมองกว้างพอหรือยัง