อะโดบี (Nasdaq:ADBE) เปิดงานคอนเฟอเรนซ์ Adobe Summit 2022 งานประชุมด้านประสบการณ์ดิจิทัล และดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมเผยโฉมนวัตกรรมใหม่ๆ บน Adobe Experience Cloud ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถรองรับ “เศรษฐกิจดิจิทัลในแบบเฉพาะบุคคล” ด้วยการปรับแต่งประสบการณ์ดิจิทัลให้เหมาะกับผู้บริโภคหลายล้านคนภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที การประชุม Adobe Summit 2022 จัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ และขับเคลื่อนด้วยแอพพลิเคชั่น Adobe Experience Cloud งานนี้จะมีไฮไลต์อะไรน่าสนใจกันบ้าง
Personalization at Scale ขับเคลื่อนด้วย Adobe Experience Platform
- Adobe Experience Cloud ที่ขับเคลื่อนด้วย Adobe Experience Platform: ตอนนี้แอพพลิเคชั่น Adobe Experience Cloud ถูกขับเคลื่อนอย่างสมบูรณ์ด้วย Adobe Experience Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับองค์กรที่เปิดกว้างและรองรับส่วนต่อขยาย ทำหน้าที่เปลี่ยนข้อมูลให้กลายเป็นโปรไฟล์ลูกค้าที่ครบวงจรแบบเรียลไทม์ สามารถนำไปใช้ในการนำเสนอประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลให้แก่ลูกค้าผ่านทางแอพพลิเคชั่น Adobe Experience Cloud
- การรวมตัวกันของ Cross-cloud : เทคโนโลยีที่อะโดบีนำเสนอบน Adobe Creative Cloud, Adobe Document Cloud และ Adobe Experience Cloud ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถบอกเล่าเรื่องราวที่น่าประทับใจ ตอบโจทย์ความต้องการจากการทำงานจากที่บ้าน และปรับแต่งประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล เวิร์กโฟลว์ที่ผสานรวมเข้าด้วยกันระหว่าง Adobe Workfront, Creative Cloud Enterprise และ Adobe Experience Manager Assets รองรับการสร้างและนำเสนอคอนเทนต์แบบครบวงจร นอกจากนี้ Adobe Acrobat Sign Connector สำหรับ Workfront Fusion ยังเพิ่มความสะดวกให้แก่ธุรกิจในการบูรณาการ และสร้างระบบอัตโนมัติสำหรับการเซ็นชื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยผนวกรวมเข้ากับกระบวนการธุรกิจบน Adobe Workfront
- Adobe Experience Cloud for Healthcare: การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เรื่องของประสบการณ์ก็เช่นเดียวกัน โซลูชั่น Adobe Experience Cloud for Healthcare จะช่วยให้องค์กรด้านการดูแลสุขภาพสามารถออกแบบและนำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะบุคคลมากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถจัดการดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
แพลตฟอร์ม Real-time Customer Data
- ความสามารถใหม่ๆ เกี่ยวกับข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์: เพื่อให้องค์กรสามารถนำเสนอคอนเทนต์และประสบการณ์อย่างฉับไวและครอบคลุมในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล อะโดบีแนะนำการบูรณาการของ Adobe Real-Time CDP และ Adobe Target เข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถ personalize หลายล้านประสบการณ์ของเว็บภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงด้านความน่าเชื่อถือ รวมถึงการผนวกรวมโซลูชั่นการจัดการคำยินยอมจาก OneTrust ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดสามารถใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อปรับแต่งประสบการณ์ได้อย่างปลอดภัย
ความรวดเร็วของคอนเทนต์ และ Customer Journey ที่ไร้รอยต่อ
- ฟีเจอร์ AI ที่ก้าวล้ำ: ในการขยายธุรกิจให้เติบโต จำเป็นที่จะต้องใช้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับลูกค้าเพื่อนำเสนอประสบการณ์เฉพาะบุคคล นวัตกรรม artificial intelligence (AI) ใหม่ล่าสุดใน Adobe Experience Cloud ซึ่งขับเคลื่อนด้วย Adobe Sensei ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI ของอะโดบี จะช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถปรับแต่งคอนเทนต์ คาดการณ์เกี่ยวกับรายได้ พฤติกรรมของลูกค้า และทรานส์ฟอร์มข้อมูลเป็นอินไซต์เชิงลึกที่สามารถนำไปใช้งานได้อย่างเหมาะสม ปัจจุบันลูกค้าที่ใช้งาน Adobe Experience Cloud กว่า 80% ใช้ Adobe Sensei เพื่อขับเคลื่อนประสบการณ์สำหรับลูกค้า
- Adobe Learning Manager: แพลตฟอร์มใหม่ในการเรียนรู้บนคลาวด์ของอะโดบี ทำให้ง่ายต่อการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ดิจิทัลแบบใหม่และน่าสนใจสำหรับลูกค้า คู่ค้า และพนักงาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการรักษาลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการขาย และให้ความรู้กับลูกค้า
- เมตาเวิร์สและประสบการณ์แบบ immersive: การรวมตัวกันระหว่าง Adobe Creative Cloud และ Adobe Experience Cloud รองรับการสร้างและนำเสนอประสบการณ์แบบ immersive ช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จในเมตาเวิร์ส (Metaverse) ตัวอย่างของนวัตกรรมใหม่ได้แก่ Adobe Substance 3D Modeler รุ่นเบต้า ซึ่งช่วยให้การสร้างและแชร์ผลงาน 3D ทำได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
- นวัตกรรมจากห้องแล็บวิจัยของอะโดบี: นวัตกรรมล่าสุดจากห้องแล็บวิจัยของอะโดบีช่วยให้องค์กรธุรกิจใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ เช่น AI และ Machine Learning (ML) รวมถึง Augmented Reality (AR) เพื่อนำเสนอประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือชั้นตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น Project Design Decoder ซึ่งใช้หลักการของทัศนวิทยาศาสตร์ (Vision Science) ที่เน้นการปรับปรุงความสะดวกในการเข้าถึงเว็บไซต์ของผู้ค้าปลีก เป็นต้น
การเติบโตของอีโคซิสเต็มส์ของ Adobe Experience Cloud
ความสามารถด้านการจัดการประสบการณ์ลูกค้าของ Adobe Experience Cloud ได้รับการสนับสนุนจากอีโคซิสเต็มส์ระดับโลกที่ครอบคลุมแพลตฟอร์มของพาร์ทเนอร์มากกว่า 300 รายการบน Adobe Experience Platform อะโดบีประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับ The Weather Company และ IBM เพื่อปรับแต่งประสบการณ์ดิจิทัลแบบ Personalised โดยใช้ข้อมูลสภาพอากาศ ร่วมกับ OneTrust ช่วยจัดการคำยินยอมจากผู้ใช้ และ Anaplan แพลตฟอร์มที่ผสานรวมเวิร์กโฟลว์การจัดการด้านการเงินและการตลาดเพื่อรองรับการทำแคมเปญตามกรอบเวลาและงบประมาณที่กำหนด ส่วนความร่วมมือกับ Walmart, FedEx และ PayPal จะช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถนำเสนอทางเลือกในการชำระเงิน และการจัดส่งสินค้า
75% ของบริษัทชั้นนำที่ติดอันดับ Fortune 100 ใช้งาน Adobe Experience Cloud Adobe ซึ่งขับเคลื่อนด้วย Adobe Experience Platform เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของประสบการณ์ลูกค้าด้วยแอพพลิเคชั่นที่มุ่งเน้นการจัดการ Customer Journey ข้อมูลเชิงลึกและกลุ่มเป้าหมาย คอนเทนต์และการปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคล เวิร์กโฟลว์ด้านการค้าและการตลาด ทั้งนี้กว่า 90% ของลูกค้า Adobe Experience Cloud ที่ติดอันดับ Top 100 ใช้งานแอพพลิเคชั่นอย่างน้อย 3 แอพขึ้นไป Adobe Experience Platform ทำการประเมินเซ็กเมนต์กว่า 24 ล้านล้านครั้งต่อวัน และได้รับการสนับสนุนจากอีโคซิสเต็มส์ที่ประกอบด้วยพาร์ทเนอร์กว่า 4,000 ราย
นอกจากนี้ Adobe Summit 2022: ยังตั้งเป้าการเข้ามาช่วยสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลแบบ Personalization ผ่านนวัตกรรมใหม่ของ Adobe Experience Cloud เพิ่มประสบการณ์ Personalization ให้กับผู้บริโภคหลายล้านคนเพียงเสี้ยววินาที จาก 75% ของบริษัทชั้นนำที่ติดอันดับ Fortune 100 ใช้งาน Adobe Experience Cloud
อนิล จักราวาธี ประธานฝ่ายธุรกิจประสบการณ์ดิจิทัลของอะโดบี กล่าวว่า “ประสบการณ์ลูกค้าและ Journey ที่ต่อเนื่องนั้นสร้างจากอินไซต์ ดาต้า และเนื้อหาที่โดนใจผู้บริโภค ซึ่งทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลมีความเฉพาะบุคคลมากขึ้น Adobe Experience Cloud เป็นเครื่องมือที่นำเสนอประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลในเศรษฐกิจดิจิทัล โดยช่วยเสริมศักยภาพให้แก่ทุกธุรกิจเพื่อเพิ่มการปฏิสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับลูกค้าผ่านทุกช่องทางดิจิทัล”
ผู้บริโภคมีความคุ้นเคยมากขึ้นต่อการทำกิจกรรมต่างๆ บนระบบออนไลน์ รายงานดัชนีเศรษฐกิจดิจิทัลของอะโดบี (Adobe Digital Economy Index) คาดการณ์ว่ายอดใช้จ่ายอีคอมเมิร์ซจะทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ ดังนั้นเพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถขยายกิจการให้เติบโตในสถานการณ์นี้ อะโดบีได้ประกาศลูกค้ารายใหม่ ความร่วมมือต่างๆ กับลูกค้า และการเติบโตของอีโคซิสเต็มส์ของ Adobe Experience Cloud
ลูกค้ารายใหม่ของอะโดบีวันนี้ได้แก่ BMW, บริษัท Coca-Cola, Coles, Dick’s Sporting Goods Epic Games, EY, General Motors, Major League BaseballTM, NASCAR, NVIDIA, Panera Bread, Real Madrid, ServiceNow, Suncorp, T.Rowe Price, TSB Bank, and Walgreens Boots Alliance พร้อมกันนี้ อะโดบียังได้ขยายอีโคซิสเต็มส์ของพาร์ทเนอร์ โดยประกาศความร่วมมือกับ OneTrust เพื่อเพิ่มความสะดวกในการจัดการคำยินยอมของผู้ใช้งาน, นำแผนการเงินเข้ากับเวิร์กโฟลว์ทางการตลาดบนแพลตฟอร์ม Anaplan รวมถึงการบูรณาการระบบอี-คอมเมิร์ซเข้ากับ FedEx, Walmart และ PayPal ซึ่งเทคโนโลยีทั้งหมดนี้พร้อมใช้งานแล้วในวันนี้ อะโดบียังได้ร่วมมือกับ The Weather Company และ IBM เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจใช้ประโยชน์จากข้อมูลสภาพอากาศในการปรับสื่อสารผ่านช่องทางดิจิทัลแบบเฉพาะบุคคล
โดยนวัตกรรมใหม่เหล่านี้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้แก่องค์กรธุรกิจในการสร้างและนำเสนอประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลให้แก่ลูกค้าจำนวนมาก พร้อมทั้งเพิ่มความรวดเร็วในการนำเสนอคอนเทนต์ รองรับ customer journey ในทุกขั้นตอนแบบไร้รอยต่อ และใช้ข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์จาก Adobe’s enterprise-grade customer data platform (CDP) และ Adobe Real-Time CDP