ในยุค Mobile-First มีผลการสำรวจของ Mirum Thailand ระบุว่า ผู้บริโภคในยุคนี้ มีการ Unlock หน้าจอสมาร์ทโฟนเฉลี่ย 47 ครั้งต่อวัน (โดยผู้ชายอายุระหว่าง 19 – 24 ปีเป็นกลุ่มที่มีการ Unlock หน้าจอบ่อยที่สุด 60 ครั้งต่อคนต่อวัน) ซึ่งตัวเลขนี้เชื่อว่าน่าจะมากกว่าจำนวนครั้งที่เราเปิดกระเป๋าสตางค์ในแต่ละวันเสียอีก นั่นจึงไม่น่าแปลกใจที่แพลตฟอร์มโฆษณา “AdPocket” จะกลายเป็นดาวเด่นในธุรกิจ Media on Mobile โดยล่าสุดทีมผู้บริหารได้ออกมาประกาศตัวเลขผู้ใช้งานว่ามีถึง 2.2 ล้านคนแล้วภายในเวลาการให้บริการเพียง 1 ปีเท่านั้น พร้อมกันนี้ยังตั้งเป้าด้วยว่า ภายในปี 2017 แอปพลิเคชันโฆษณา AdPocket จะมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านคน
สำหรับแอปพลิเคชัน AdPocket เป็นแอปพลิเคชันโฆษณาบนหน้าจอ Lockscreen ของสมาร์ทโฟนรายแรกของไทย โดยรูปแบบการให้บริการจะแสดงโฆษณาบนหน้าจอ Lockscreen ถ้าผู้บริโภคต้องการมีส่วนร่วมกับโฆษณานั้น ๆ ก็สามารถสไลด์หน้าจอไปทางซ้ายเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งทางระบบจะมีการแจกแต้มสะสมสำหรับนำไปแลกเป็นเงินสด หรือใช้ซื้อของใน 7-11 จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ ได้ แต่ถ้าไม่ต้องการร่วมกิจกรรมก็สามารถสไลด์หน้าจอไปทางขวา และใช้งานสมาร์ทโฟนได้ตามปกติ
โดยปัจจุบัน ผู้ใช้งาน AdPocket ส่วนใหญ่คือกลุ่มวัยรุ่นอายุระหว่าง 15 – 19 ปี (37%) รองลงมาคือกลุ่ม 20 – 25 ปี (36%) เป็นผู้ชาย 53.5% ผู้หญิง 46.5% (ผู้ชายมีการปลดล็อกหน้าจอสูงกว่า) โดยความสนใจหลักอยู่ในกลุ่มเกม (62.1%) ไอที (50%) การเงิน (44%) บันเทิง (42%) และกีฬา (39%) ซึ่งจากจำนวนผู้ใช้งานดังกล่าวนี้บริษัทมียอดดูโฆษณามากกว่าวันละ 10 ล้านวิวต่อวัน
คุณอลิสรา ดำรงค์พานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโมบาย จาก AdPocket เผยว่า แอปพลิเคชันโฆษณา AdPocket ประสบความสำเร็จมาจากประเทศเกาหลีใต้ก่อนเป็นประเทศแรก โดยมีผู้ใช้งานสูงถึง 20 ล้านคนจากจำนวนประชากรของประเทศที่ 50.8 ล้านคน
“ทุกวันนี้ คนไทยใช้มือถือเยอะกว่าดูโทรทัศน์ หรืออ่านนิตยสาร เรามีสมาร์ทโฟนมากถึง 49 ล้านเครื่อง คนไทยใช้สมาร์ทโฟนเฉลี่ย 6.2 ชั่วโมงต่อวัน มากกว่าการดูทีวีถึง 3 เท่า มือถือกลายเป็นปัจจัยที่คนไทยขาดไม่ได้ และเป็นแพลตฟอร์มที่อยู่ใกล้ชิดผู้บริโภคมากที่สุด ดังนั้นการโฆษณาผ่านหน้าจอ Lockscreen นี้จึงช่วยให้นักการตลาดสามารถวางแผนลงสื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการลงโฆษณาผ่านทางออนไลน์ช่องทางอื่นๆ”
โดยจุดเด่นของโฆษณาบนหน้าจอมือถือนั้นอยู่ที่ค่า CTR (Click Through Rate) ที่สูงถึง 5 – 10% ซึ่งสูงกว่าโฆษณาประเภท Display Banner ทั่วไปถึง 50 เท่า เนื่องจากเป็นโฆษณาที่ปรากฏบนหน้าจอแรกของมือถือ จึงทำให้ผู้ใช้งานได้เห็นโฆษณาบ่อย
“การใช้งาน AdPocket ไม่ได้รบกวนการใช้งานของยูสเซอร์ เพราะโฆษณาไม่ได้ขึ้นมาแทรกในระหว่างที่ผู้ใช้งานกำลังเสพสื่อ ที่สำคัญคอนเทนต์ที่โชว์บนหน้าจอล็อคสกรีนนั้นก็ไม่ได้มีแค่แบนเนอร์โฆษณาแต่เพียงอย่างเดียว ยังมีคอนเทนต์ที่น่าสนใจจาก Ookbee comic, Online Station, Ladyissue, Spice, Pepper, ข่าวจาก INN, วิดีโอคลิปเทคนิคต่างๆ จาก C Channel ฯลฯ ซึ่งการพัฒนาเนื้อหาเหล่านี้ เราคำนึงถึง User Experience เป็นสำคัญ เมื่อใช้งาน AdPocket แล้วไม่เบื่อ เกิดความรู้สึกที่ดี นั่นก็คือประสบการณ์ที่ดีนั่นเอง”
เปิดกลยุทธ์สู่ 5 ล้านอินสตอล
การเพิ่มขึ้นถึงกว่าเท่าตัวของยอดผู้ใช้งานแปลว่าในปีนี้ ทีมผู้บริหารของ AdPocket จะต้องทำงานอย่างหนัก ซึ่งคุณอลิสราเผยว่า จะเน้นในกลุ่มคนทำงานมากขึ้นเพื่อขยายฐานให้มีความเป็นแมสมากขึ้น โดยจะมีการขยายพื้นที่ประชาสัมพันธ์แบรนด์ไปยัง BTS เพราะคนทำงานอยู่บน BTS เยอะ ส่วนสิทธิพิเศษจะเน้นให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทำงานมากขึ้น จากเดิมที่เคยเน้นกลุ่มวัยรุ่นก็อาจเป็นคูปองดื่มกาแฟยี่ห้อดัง ฯลฯ เป็นต้น นอกจากนี้ก็จะมีการทำกิจกรรมตามพื้นที่ต่าง ๆ ตลอดปี และที่สำคัญยังเน้นการทำตลาดออนไลน์ผ่านทางเน็ตไอดอล หรือ Influencer ที่มีชื่อเสียงร่วมด้วยเช่นเคย
ในส่วนของแอปพลิเคชัน จะมีการพัฒนาคุณสมบัติที่ช่วยผลักดันกลุ่ม Direct Sale หรือ Coupon เพื่อตอบโจทย์ด้านยอดขายให้กับแบรนด์สินค้าและบริการที่มาลงโฆษณาให้มากขึ้น ซึ่งในจุดนี้ คุณอลิสรามองว่า อนาคตของ AdPocket นั้นเป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้ Facebook หรือ Google เลยทีเดียว
“ทุกวันนี้เรามี Active User 400,000 คนต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่แข็งแกร่งมาก และในปีนี้เราตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 100 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 1 เท่าตัว”
ส่วนเป้าหมายในการเติบโตที่ 5 ล้านยูสเซอร์นั้น คุณอลิสราเผยว่า ในปีนี้เราเตรียมขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อให้สอดคล้องกับคุณสมบัติเด่นของเรา และถ้าเป็นไปได้ในอนาคต เราอยากให้ผู้ใช้ AdPocket ไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์ เพราะสามารถนำแต้มจาก AdPocket มาจ่ายค่าโทรศัพท์แทนได้
“จะเรียกว่าเป็นมิชชั่นของบริษัทก็ได้ที่อยากให้คนไทยใช้โทรศัพท์ฟรี เราเองก็มีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งอย่าง เครือ Ascend นั่นหมายความว่าเงินใน AdPocket จะไม่ได้ลิงค์กับแค่ TrueWallet แต่ยังลิงค์กับ Alipay ด้วย ซึ่งยังมีโอกาสต่อยอดไปได้อีกไกล โดยในอีก 3 – 5 ปีข้างหน้า เราอยากเป็นทางเลือกหนึ่งของการลงโฆษณาบนมือถือเคียงข้าง Facebook, LINE เพราะการสื่อสารการตลาดในยุคนี้ ผู้บริโภคไม่ได้ลงสื่อแค่แพลตฟอร์มเดียว แต่ลงสื่อแบบผสมผสานนั่นเอง” คุณอลิสรากล่าวปิดท้าย