การปรับตัวเข้าสู่โลกออนไลน์ของธุรกิจรายเล็กและรายใหญ่นั้น เป็นเรื่องที่ต้องลงมือทำแบบทันที เพื่อรักษายอดขายและสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการขายสินค้าให้แก่ลูกค้ากลุ่มต่างๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีเครื่องมือที่น่าใช้งานบนโลกออนไลน์มากมาย ให้เลือกแต่จะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องมือไหนเหมาะกับธุรกิจของเรา วันนี้ thumbsup จะมาแนะนำกัน
แน่นอนเลยสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ สิ่งที่ต้องมีก่อนอื่นใดเลย ก็คือ สินค้าที่จะเอามาขาย เพราะปริมาณสินค้ามีมากมายหลายร้อยอย่างที่มีให้เลือกขายและซื้อ ดังนั้นการมองหาสินค้าที่ตรงจริตกับผู้ขาย เพื่อที่เราจะได้อินในการนำเสนอขายแก่ลูกค้าก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะด้วยพฤติกรรมของคนยุคนี้ ถ้าสินค้าที่คุณนำมาขายคือสิ่งที่เขาสนใจ แพงแค่ไหนก็ยอมจ่ายค่ะ ซึ่งไม่ต้องกังวลไปนะคะว่าถ้าอยากจะขายสินค้าแบบเฉพาะกลุ่มดีไหม แค่สินค้านั้นตรงกับความต้องการของคนบางกลุ่มก็ได้ ไม่ต้องเหมาะกับทุกคน
ช่องทางการขาย นอกจากมีสินค้าแล้ว เราก็ต้องเลือกว่าเราจะเปิดร้านออนไลน์และขายสินค้าของเราบนแพลตฟอร์มไหน เพราะพฤติกรรมของคนใช้งานแต่ละโซเชียลก็เป็นอีกปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จของร้าน เช่น
- ขายบนเพจ Facebook เป็นช่องทางที่คนขายนิยมสูงสุด เพราะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าจำนวนมากได้ รวมทั้ง Facebook เอง ก็เปิดให้ลงโฆษณา (Facebook Ads) ที่สามารถตั้งงบและกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้สะดวก
- ขายบน Instagram เป็นการขายผ่านรูปภาพ ลงรายละเอียดได้ไม่มาก ดังนั้นหากจะขายผ่านช่องทางนี้ ต้องมีฝีมือในการถ่ายภาพสินค้าให้คนอยากคลิกซื้อ
- ขายผ่าน LINE และ LINE@ เป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจ เพราะร้านสามารถแชทตรงกับลูกค้าได้เลย ทำให้ลูกค้าจะรู้สึกเหมือนได้คุยกับคนเป็นๆ มากกว่ารวมทั้งสร้างความมั่นใจได้ดีกว่าด้วย
Facebook LIVE ได้ยอดแบบไม่ต้องกังวล
เทรนด์การขายสินค้าแบบ Live ในช่องทางต่างๆ กำลังเป็นที่นิยม แน่นอนว่า Facebook Live ถือว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับกระตุ้นให้นักช้อปที่มีช่องทางให้เลือกหลากหลาย ได้ตัดสินใจซื้อสินค้าที่ไวขึ้น แน่นอนว่าการขายสินค้าที่เลื่อนผ่านไปได้อย่างรวดเร็วนั้น อาจจะข้ามผ่านในส่วนของออเดอร์ที่เข้ามา มีระบบจัดการช่องทางการขายที่เชื่อมกับแฟนเพจของร้านได้ เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเลือกซื้อและจ่ายเงินได้รวดเร็วแบบไม่มีปัญหา
เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ผล
จากนั้นเมื่อทำการขายแล้ว เราต้องรู้จักผลวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อให้รู้ว่าควรทำการตลาดไปในทิศทางไหน Google Analytics เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่สำคัญ หากแบรนด์ของคุณมีเว็บไซต์ธุรกิจ นอกจากจะต้องมี Content อยู่บนเว็บไซต์ของคุณแล้ว สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือ เครื่องมือการเก็บสถิติ เครื่องมือการวัดผล ซึ่ง Google Analytics สามารถทำหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดี แถมใช้กันแบบฟรี ๆ ไม่มีเงื่อนไขแฝงด้วย
เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยหลักในการทำให้เว็บไซต์ของธุรกิจ ติดอันดับบน Google ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หากคุณคิดไม่ออกว่าจะใช้คีย์เวิร์ดอะไรในการสื่อสารกับลูกค้า และเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณด้วย ก็ลองใช้ตัวช่วยนี้ เพราะเราจะทราบได้ว่าคำไหนมีการค้นหามาก และคำไหนจะเจาะจงลูกค้าเป้าหมายได้ รวมทั้งกำหนดงบในการโฆษณาบน Google ได้ด้วย วางแผนบริหารคลังสินค้า
วางแผนคลังสินค้า
หากสินค้าขายดีเกินเป้า เราก็จำเป็นต้องวางแผนกักตุนสินค้าไว้ให้เพียงพอจำนวนหนึ่งเพื่อส่งออเดอร์ให้ลูกค้าได้เร็วขึ้น ซึ่งการเตรียมสินค้าให้เพียงพอต่อการขายนั้น เราอาจจะเลือกจัดเก็บไว้ที่โกดังสินค้าที่สามารถจัดส่งให้ด้วยก็จะยิ่งดี จะได้ไม่ต้องจัดเก็บเอง หรือจะเลือกเช่าพื้นที่เก็บของเมื่อจะใช้งานก็ไปหยิบมาส่งก็ได้ แล้วแต่ว่าปริมาณสินค้าที่จะนำเข้ามาขายนั้น มีขนาดของสินค้า และปริมาณมากน้อยอย่างไร อีกอย่างหนึ่งคือการจ้างพวกฟูลฟิลเม้นท์ในการจัดเก็บสินค้าและบริหารการส่งออเดอร์ก็ช่วยให้เราสะดวกในเรื่องของการบริหารจัดการ tracking ให้ไม่ต้องวุ่นวายด้วย
รายงานการขายประจำเดือน
หลังจากขายสินค้าได้จำนวนหนึ่งแล้ว สิ่งที่ร้านค้าอยากรู้ก็คือ สินค้าใดขายดี พื้นที่ไหนมีการสั่งซื้อมากที่สุด เพื่อนำมาใช้ในการประเมินและวางแผนการสั่งสินค้าในอนาคตให้ดีขึ้น เชื่อว่าหากมีเครื่องมือที่ดีมาเป็นตัวช่วยก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ดีแน่นอน
เราจึงขอแนะนำ Fillgoods แพลตฟอร์มจัดการระบบร้านค้าออนไลน์ที่ช่วยเสริมการจัดการธุรกิจและเข้าใจร้านค้าออนไลน์อย่างแท้จริง ด้วยแพลตฟอร์มที่ได้รับการไอเดียมาจากประสบการณ์และปัญหาที่ร้านค้าออนไลน์ต้องเจอเป็นประจํา สู่การพัฒนาเทคโนโลยี ระบบร้านค้าออนไลน์และฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาอย่างตรงจุด เริ่มตั้งแต่การจัดการคลังสินค้า การสร้างออเดอร์ การแพ็คออเดอร์ และการขนส่ง อย่างคล่องตัวทำให้การขายสินค้าออนไลน์สำหรับธุรกิจทุกระดับไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หากใครสนใจเข้าไปอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับฟีเจอร์ต่างๆ ได้ที่ Fillgoods.co
บทความนี้เป็น Advertorial