ไมเคิล จิตติวาณิชย์ Head of Marketing บริษัท Google Thailand ได้เล่าให้เราฟังในงาน Blognone Tomorrow ถึงความล้ำยุคที่มาจากเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) หรือการใช้ Machine Learning ลองมาดูกันว่ามีอะไรที่น่าตื่นเต้นบ้าง
AI คือ เทคโนโลยีที่ทำให้สิ่งต่างๆ มีความฉลาดมากยิ่งขึ้น โดยสิ่งหนึ่งที่ทำให้ AI ทำงานได้ดีนั่นคือ Machine Learning เพราะมีการสอนให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง แตกต่างจากการทำโปรแกรมแบบเก่าที่เราต้องเป็นคนออกคำสั่ง แต่ตอนนี้เราแค่สอนด้วยตัวเองเพื่อให้มันเรียนรู้ และฉลาดมากขึ้นได้
ซึ่งทาง Google ศึกษาเรื่อง AI มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วเห็นประโยชน์มากมายที่ AI มอบให้ และสามารถนำมาประโยชน์ต่อองค์กรธุรกิจได้ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนด้วยกันการสร้างให้ AI เข้ามาอยู่ใน Service ต่างๆ ของ Google ทำให้ทุกคนนำเอา AI มาใช้งานในชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย
How to Train
วิธีการสอนระบบนั้นไม่ยาก ยกตัวอย่างง่ายๆ ด้วยการสอนให้คอมพิวเตอร์ให้แยกว่ารูปไหนเป็นรูปสุนัข และรูปไหนเป็นรูปแมว ซึ่งใช้การสอนที่ง่ายมาก เพียงแค่หารูปแมวมาสัก 1,000 รูป ซึ่งมีกาารทำเครื่องหมายเอาไว้อย่างเรียบร้อยแล้วว่ารูปไหนเป็นรูป “สุนัข” และรูปไหนเป็นรูป “แมว”
จากนั้นส่งให้คอมพิวเตอร์ไปดูรูปแบบ และมีคอนเซปต์คล้ายกับการสอนเด็กๆว่าสิ่งไหนคืออะไร เหมือนเรามีเด็กหนึ่งคนที่พาไปเดินเล่นแล้วชี้ให้ดูว่านี่ เป็น “สุนัข” หรือนี่ “แมว” เมื่อมีการทำซ้ำๆ เด็กก็จะเริ่มรับรู้รูปแบบได้
การฝึกฝนแบบนี้ไปสักพักก็จะได้สิ่งที่เรียกว่าเป็น “Machine Learning Model” สำหรับสิ่งนี้โดยเฉพาะ หลังจากนั้นพอใส่รูปสัตว์ลงไป (แบบไม่ต้องทำเครื่องหมาย) ระบบก็จะบอกได้ว่าคืออะไร
โปรแกรมที่น่าสนใจ:
- Google Photo เทคโนโลยีทำให้คุณเสิร์ชหารูปจากอัลบั้มในมือถือของตัวเองได้ เพราะเมื่อถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆ บนโทรศัพท์ การมานั่งหารูปภายหลังอาจทำให้เสียเวลา ซึ่งเพียงแค่เสิร์ชคำลงไปรูปและวิดีโอก็จะขึ้นมาทันที
- Google Translate เป็นการทำให้แปลจากรูปภาพได้เพียงแค่ส่อง วิธีการฝึกคือการฝึกจากรูปเช่นกัน (แปลคู่ระหว่างภาษาอังกฤษกับภาษาอื่นๆ ได้ถึง 38 ภาษา รวมไปถึงภาษาไทยด้วย)
- Google Lens ใช้ส่องหาสิ่งของแล้วสามารถเสิร์ชดูว่าสิ่งนั้นคืออะไร
ซึ่งเจ้า Machine Learning ไม่ได้หยุดอยู่ที่แค่รูปภาพเพียงอย่างเดียว แต่มาช่วยใน Gmail ด้วย เพราะช่วยในการจัดหาว่าสิ่งไหนคือ Spam ได้ดีมากยิ่งขึ้น แล้วสามารถเสนอ Auto Massage สั้นๆ มาให้เราสามารถเลือกตอบได้เลย ตอนนี้ประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์ของอีเมลล์ทั้งหมดที่ส่งหากันบน Gmail ก็เป็นการตอบแบบ Auto Reply
- Google Assistant ผู้ช่วยฝีมือดีที่ทำให้ชีวิตของคุณง่ายยิ่งขึ้น ด้วยการสั่งงาน (สั่งเป็นภาษาไทยได้แล้ว) ซึ่งเป็นการใช้ Machine Learning เป็นการช่วยให้ระบบเข้าใจความหมายของเสียงว่าสิ่งที่เรา อีกทั้งยังเข้าใจในบริบทของสิ่งที่พูดด้วย
นอกจากนั้นทาง Google ก็ได้ทำบริการมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้สำหรับทุกคนด้วย
- Open Source เป็นการเขียนโปรแกรมสอนคอมพิวเตอร์ให้เรียนรู้ได้ โดยแจกให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ตั้งแต่นักเรียนไปจนถึงนักธุรกิจ
- Cloud API บน Google Cloud เวลา Google มีการทำ Model หรือ Machine Learning ต่างๆ ขึ้นมาทุกอย่างจะถูกนำไปใส่ใน Google Cloud เพื่อให้ทุกคนใช้ได้แบบไม่ต้องไปซื้อใหม่อีกรอบหนึ่ง
- Customize Hardware ซึ่ง Google ได้ทำขึ้นมาเพื่อ Optimize การรัน Machine Learning โดยเฉพาะ
ตัวอย่างธุรกิจที่นำเอาไปใช้
KEWPIE เป็นธุรกิจผลิตอาหารเด็ก โดยสิ่งที่บริษัทนี้ให้ความสำคัญคือผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ เพราะต้องพิถีพิถันในการเลือกคุณภาพ ขนาด ความปลอดภัย ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องใช้มือคัดแล้วเขี่ยออกเท่านั้น แต่ปัจจุบันนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการคัดเลือก จนทำให้อาหารเด็กมีปลอดภัยมากขึ้น
Humanity Problem
การใช้ AI ไม่ใช่เพื่อแก้ Business Problem อย่างเดียว แต่ยังเป็นประโยชน์ในด้านอื่นด้วย เช่น ด้านสุขภาพ การเกษตร สิ่งแวดล้อม
ตัวอย่าง:
- ตรวจจับผู้ป่วยโรคที่เป็นเบาหวาน และเสี่ยงต่อการตาบอด สามารถใช้ AI ตรวจเจอล่วงหน้าพร้อมป้องกันได้ โดย Google ได้ทำเทคโนโลยีที่สามารถทำให้ตรวจจับเพื่อป้องกันได้ดีขึ้น ที่น่าสนใจในปัจจุบันความสามารถของ AI นั้นสามารถตรวจจับเท่ากับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญโรคเฉพาะด้านแล้ว
- มีการใช้ Machine Learning ตรวจรูปใบของต้นมันสำปะหลัง ซึ่งในปัจจุบันพัฒนาเป็นแอพพลิเคชั่นออกเพื่อให้ชาวนา ชาวไร่ ได้ใช้กัน ด้วยวิธีง่ายๆ คือการถ่ายรูปใบไม้แล้วจะบอกว่าต้นนี้ตอนนี้สภาพเป็นอย่างไร และต้องมีการแก้ไขอย่างไรดี
- ติดตามสัตว์ที่ใกล้สูญพันธ์ุ โดยใช้เทคโนโลยีมาติดตามสัตว์หายาก แล้วแยกเสียงเพื่อบอกว่าเป็นสัตว์ชนิดใด มีจำนวนกี่ตัว และอาศัยอยู่แถวไหนบ้าง
ถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความน่าสนใจ เพราะนำไปใช้ได้หลากหลาย และน่าจะปรับใช้ได้กับอีกหลายๆ ธุรกิจ