ตามปกติเวลาเอ่ยชื่อของ Airbnb หลายคนจะนึกถึงสถานที่พักแบบที่มีเอกลักษณ์มีให้บริการนับล้านแห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบของอพาร์ทเมนท์ วิลล่า ไปจนถึงปราสาท บ้านต้นไม้ และ Bed&Breakfastในกว่า 191 ประเทศ แต่การเปิดให้บริการในไทยนอกจากที่พักแล้ว Airbnb ยังชูจุดเด่นด้านสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อชูเรื่องประสบการณ์เป็นหลัก งานนี้สตาร์ทอัพด้านการท่องเที่ยวมีหนาว
โดยทาง Airbnb ได้ส่งข้อมูลให้กับสื่อมวลชนชาวไทยที่เน้นหนักในเรื่องของบริการด้านประสบการณ์ท่องเที่ยวทั่วไทยและเชียงใหม่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ชื่นชอบวัฒนธรรมพื้นบ้านได้สัมผัสความแปลกใหม่และมีความเป็นท้องถิ่นอย่างแท้จริง
แน่นอนว่า จังหวัด เชียงใหม่ถือว่าเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีการเติบโตด้านการท่องเที่ยวรวดเร็วที่สุดในประเทศไทย การนำเสนอข้อมูลให้แก่นักท่องเที่ยวทั่วโลกในครั้งนี้ จะทำให้ภาคเหนือกลายเป็นเมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรม อีกทั้งยังจะกลายเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของคนทั่วโลกแบบยั่งยืน
นอกจากนี้ ในปี 2017 Airbnb ที่เชียงใหม่ได้ต้อนรับผู้เข้าพักกว่า 160,000 คน ที่เดินทางมาจากประเทศต่างๆ กว่า 135 ประเทศ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตเฉลี่ยถึง 71% บริการ “ประสบการณ์” ของ Airbnb ในครั้งนี้ น่าจะช่วยถ่ายทอดความชอบและความสนใจผ่านกิจกรรมงานฝีมือด้วยการนำเทคโนโลยีเป็นสื่อกลางเพื่อช่วยเชื่อมโยงผู้คน เปิดโอกาสให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ข้ามวัฒนธรรม ตั้งแต่การท่องเที่ยวชมวิถีชีวิตของชุมชนชาวม้ง ไปจนถึงการเรียนรู้ภูมิปัญญาการสักยันต์แบบดั้งเดิม
ปรินทร์ เมห์ธา ผู้อำนวยการ Airbnb ฝ่ายประสบการณ์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า มีนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากสัมผัสประสบการณ์จริงแบบถึงแก่นผ่านมุมมองของคนในท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น การท่องเที่ยวในประเทศเองก็เติบโตเช่นกัน มีนักท่องเที่ยวจากจังหวัดอื่นๆ เดินทางมาเที่ยวเพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน คนในท้องถิ่นกำลังหาทางดึงดูดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์และมิตรไมตรีจิตอันดีงามของประเทศในรูปแบบใหม่ๆ และเชียงใหม่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนเดินทางมามากที่สุดรองจากกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ Airbnb ยังได้เปิดตัวประสบการณ์เพื่อสังคม “Social Impact Experiences” ซึ่งเป็นโครงการที่ร่วมมือกับองค์กรไม่หวังผลกำไรในท้องถิ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนา “ประสบการณ์” ที่จะช่วยชุมชนที่องค์กรดูแล และเข้าร่วมในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนทั่วโลก โดยจะไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆ จากการจัดประสบการณ์นี้และมอบเงินรายได้ทั้งหมดให้กับองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่ดูแลแต่ละประสบการณ์โดยตรง
ตัวอย่าง “ประสบการณ์” ที่จัดขึ้นในเชียงใหม่
● สัมผัสวิถีชีวิตชนเผ่า – เยี่ยมชมหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งและกะเหรี่ยง ชมบ้านไม้ไผ่ยกพื้นสูงแบบชาวเขา เที่ยวดูสวนฟาร์มและโรงเรียนในหมู่บ้าน โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวคนอื่น “เราอยากให้ชาวเขามีโอกาสที่จะบอกต่อคนภายนอกว่าพวกเขาเป็นใคร มีวิถีชีวิตเยี่ยงไร และแสดงให้เห็นว่าชีวิตนั้นก็เรียบง่ายได้” – มานูเอลโล กล่าว
● สักยันต์ไทยโบราณ – เยี่ยมชม “สำนัก” เล็กๆ ที่คุณจะได้พบกับอาจารย์นิคมผู้เคยบวชเป็นพระ ซึ่งจะอธิบายลวดลายสักยันต์แบบต่างๆ รวมถึงความหมายของรอยสักยันต์ทั้งลายสัตว์ เทวดา และรูปทรงเรขาคณิตแบบไทยโบราณ “ผมอยากช่วยสนับสนุนชุมชนโดยนำภูมิปัญญานี้มาใช้เพื่อเป็นช่องทางเสริมสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน”
● เรียนรู้วิธีทำลูกประคบ – กนกวรรณจะถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับน้ำมันสกัดต่างๆ รวมถึงคุณสมบัติของน้ำมันแต่ละประเภทที่ใช้ในการทำลูกประคบ แล้วลองใช้ลูกประคบอุ่นๆ นวดกดจุด “ประสบการณ์ท่องเที่ยวเช่นนี้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทั้งยังเป็นช่องทางช่วยสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน ฉันชอบอธิบายเกี่ยวกับส่วนประกอบและวัตถุดิบที่ใช้ ซึ่งได้จากชาวบ้าน เป็นฝีมือของคนในชุมชนทั้งนั้น”
● ทอผ้ากับชาวเขา (ประสบการณ์เพื่อสังคม) – กิจกรรมนี้เป็นการร่วมมือกับมูลนิธิพระสงบ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะอนุรักษ์และเผยแพร่ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม คุณจะได้เห็นชาวบ้านเตรียมนาข้าวและวัตถุดิบธรรมชาติที่จะใช้ทำสีย้อมก่อนเรียนรู้วิธีทอผ้าแบบพื้นบ้าน
● เรียนรู้การทำข้าวซอย –วยา จะถ่ายทอดเคล็ดลับการทำข้าวซอยจากสูตรต้นตำรับของคุณแม่ทีได้รับเลือกจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้บรรจุเป็นสูตรอาหารเหนือให้ทุกท่านได้เรียนรู้เพื่อถ่ายทอดความรู้นี้ไปทั่วโลก
การนำเสนอประสบการณ์แบบนี้ มีหลายบริการทั้งแบบทัวร์และสตาร์ทอัพที่ให้บริการมากขึ้น เชื่อว่าการเข้ามาของ Airbnb ในรูปแบบแนะนำวัฒนธรรมนี้จะช่วยให้คนจากทั่วโลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับประเทศไทย และสนใจในอารยธรรมที่ดีงามของเรามากขึ้น