ต้องบอกว่า ณ วันนี้กระแสอุปกรณ์สวมใส่อิเล็กทรอนิคส์หรือ Wearable Devices อาจจะยังไม่ร้อนแรงแบบพลุแตกในบ้านเรา แต่ในตลาดทั่วโลกจะเริ่มเห็นสินค้าประเภทนี้ออกมามากขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนจะกลายเป็นกระแสหลักได้ในอีกไม่ช้า และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ก็จะมีสายรัดข้อมือน้องใหม่ที่ล้ำสุดๆ ถึงขั้นตรวจจับได้ว่าเราทานอะไรเข้าไป!
ในปัจจุบัน หลายๆ คนคงได้มีโอกาสเห็นสายรัดข้อมืออิเล็กทรอนิคส์ที่สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย รวมถึงการนอนได้ ซึ่งในบ้านเราก็ได้รับความนิยมในกลุ่มเล็กๆ และหลายๆ คนก็ชื่นชอบเพราะมันช่วยในการตรวจสอบปริมาณการนอน การเผาผลาญพลังงาน ทำให้การดูแลสุขภาพทำได้ดีขึ้นไปอีกระดับ
แต่สายรัดข้อมืออิเล็กทรอนิคส์ที่มีอยู่ในตลาดในปัจจุบันยังต้องอาศัยการป้อนข้อมูลหลายๆ อย่างด้วยตัวเอง โดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่ต้องนั่งกดกันทีละเมนู และนี่ก็คือสิ่งที่ทีมงาน AIRO บริษัทน้องใหม่ได้ออกมาแก้โจทย์ตรงนี้เพื่อให้การตรวจตราสุขภาพสามารถทำได้แม่นยำขึ้นไปอีกระดับ
AIRO ใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า spectrometer ในการตรวจสอบการเต้นของหัวใจ, รูปแบบการนอน, การออกกำลังกาย รวมไปถึงปริมาณแคลอรี่ที่บริโภคเข้าไป โดยสามารถแยกประเภทของอาหารได้อีกด้วย โดยทีมงาน AIRO เผยว่าการตรวจจับอาหารสามารถทำได้ เนื่องจากเมื่อเราทานอาหารเข้าไป ร่างกายจะย่อยอาหารเหล่านี้และเซนเซอร์จะสามารถตรวจจับสารอาหารได้จากปริมาณของแสงที่ไหลผ่านเลือด ตัวอย่างเช่น การทานลูกอม เซนเซอร์จะสามารถตรวจจับการเพิ่มขึ้นของน้ำตาลได้อย่างชัดเจน
ทางด้านการตรวจจับการออกกำลังกายก็จะมีการประมวลผลโดยดูการเต้นของหัวใจประกอบด้วย ทำให้สามารถแยกได้ว่าเป็นการออกกำลังกายแบบจริงจัง หรือแค่การเคลื่อนไหวที่มากกว่าปกติเท่านั้น นอกจากนี้ตัวแอพพลิเคชั่นยังสามารถแนะนำได้ด้วยว่าวันไหนควรพัก หากพบว่ามีการออกกำลังกายที่มาเกินความจำเป็นแล้ว
AIRO ยังมาพร้อมกับการแนะนำในส่วนของกิจกรรมที่ควรทำหลังจากที่มีการประเมินรูปการออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร และการนอนแล้ว ซึ่งคำแนะนำโดยดูจากรูปแบบพฤติกรรมของผู้ใช้ดังกล่าวถือว่าเป็นอีกจุดเด่นที่แตกต่างจากรายอื่นๆ ในตลาด
สำหรับใครที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากคลิปนี้
ความเห็นผู้แปล
สายรัดข้อมืออิเล็กทรอนิคส์นี้ถือเป็นเพียงหนึ่งในอุปกรณ์สวมใส่จำนวนมากมายที่เราจะได้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป กระแส Wearable Devices เกิดขึ้นเนื่องจากการเติบโตของเทคโนโลยีพกพา, แอพพลิเคชั่น รวมถึงไลฟ์สไตล์ของคนที่อิงกับ smart devices มากขึ้นเรื่อยๆ โดยงานวิจัยของ IMS Research ได้พยากรณ์ไว้ว่าจะมีจำนวน wearable devices ที่ถูกขายในปี 2017 สูงถึง 171 ล้านชิ้น จากเดิมเพียง 14 ล้านชิ้น ในปี 2011 ที่ผ่านมา
การขยายตัวของ wearable devices จะมีผลกระทบต่อหลายๆ อุตสาหกรรมและอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งเหมือนที่อุปกรณ์อย่าง iPhone และ iPad เคยทำมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวงการแพทย์ที่สามารถติดตามพฤติกรรมผู้ป่วยได้ใกล้ชิดและแม่นยำขึ้น หรือแม้แต่วงการโฆษณาที่สามารถรู้พฤติกรรมของผู้บริโภคและสามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้แบบ 1-1 อย่างแม่นยำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ความท้าทายในอนาคตอันใกล้ไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีแล้ว (แม้จะยังมีอีกหลายเปราะที่ต้องตอบโจทย์ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแม่นยำของข้อมูล หรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้) แต่ความท้าทายน่าจะอยู่ที่การนำข้อมูลไปใช้ต่อมากกว่า เพราะเมื่อข้อมูลมีจำนวนมหาศาลและแตกต่างกันระดับรายบุคคล ผู้ให้บริการที่ต้องการนำเสนอบริการใหม่ๆ ที่มีความแม่นยำสูงต้องหาทางจัดการกับการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลนี้ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่นั่นก็คือโอกาสในการสร้างรายได้อย่างมหาศาลจากตลาดที่กำลังจะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้นี้
ที่มา: Engadget