เป็นสัญญาณที่เห็นได้ชัดขึ้นว่าตลาดระดับบนของบ้านเรายังเติบโตและไปได้ดี จากการปรับตัวของห้างร้านต่าง ๆ รวมถึงการออกมาประกาศขยาย Serenade Club ของเอไอเอส จากเดิมมี 6 สาขาเป็น 20 สาขาให้ครอบคลุมกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ ชลบุรี ระยอง และหาดใหญ่ โดยมีกำหนดแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณถึง 680 ล้านบาทเลยทีเดียว
สำหรับการขยายสาขาครั้งนี้ เอไอเอสให้เหตุผลว่ามาจากการคาดการณ์ว่าลูกค้ากลุ่ม Serenade จะมีการเติบโตขึ้นจาก 4.5 ล้านรายในปี 2017 (แบ่งออกเป็นระดับแพลตตินัม 2 แสนราย, โกลด์ 1.2 ล้านราย และเอ็มเมอรัลด์ 3.1 ล้านราย) เป็น 6.3 ล้านรายในปีนี้ หรือเท่ากับเพิ่มขึ้นกว่า 40%
โดยสิ่งที่เอไอเอสเน้นมากขึ้นสำหรับ Serenade Club ใหม่เป็นเรื่องของประสบการณ์ ที่ได้มีการสร้างความรู้สึกพิเศษในการให้บริการเอาไว้ใน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการออกแบบ โดยมีการจับมือกับ PIA Interior บริษัทออกแบบภายในอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยในการสร้างประสบการณ์ในคลับ หรือในส่วนของว่างก็มีการดึงเชฟจากโอเรียลเต็ลมาช่วยสร้างสรรค์มาการองรุ่นพิเศษสีทอง-ม่วง นอกจากนั้นยังมีการออกแบบกลิ่นเฉพาะของ Serenade Club หรือการเปิดเพลงแบบเฉพาะด้วยดนตรีสไตล์ Groove Jazz และการบริการจาก Serenade Ambassador ที่ได้รับการอบรมด้วยหลักสูตรเฉพาะ
อีกข้อหนึ่งที่เอไอเอสตอบได้อย่างน่าสนใจคือเรื่องของกลุ่มเป้าหมายของ Serenade Club ที่ไม่ได้เน้นจากกลุ่มอายุ แต่เน้นที่ไลฟ์สไตล์การใช้งานว่าเป็นกลุ่มที่เน้นการ Connect กับโลกออนไลน์เป็นหลัก
เทเลคอมยังต้องขยายสาขา
อย่างไรก็ดี ในแง่ของความกังวลต่อการปิดสาขาของธุรกิจสถาบันการเงินเมื่อเทียบกับธุรกิจโทรคมนาคมนั้น คุณบุษยา สถิรพิพัฒน์กุล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบริหารลูกค้าและการบริการ บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ให้ทัศนะว่า ไม่มีความกังวล เนื่องจากรูปแบบของธุรกิจนั้นแตกต่างกัน สถาบันการเงินในปัจจุบัน สามารถให้บริการลูกค้าได้ผ่านแอปพลิเคชัน Mobile Banking ซึ่งทำให้ลูกค้าไม่จำเป็นต้องไปติดต่อที่ธนาคารสาขาเหมือนในอดีต การปรับลดสาขาของธนาคารที่มีเป็นจำนวนมากลงจึงเป็นการลดค่าใช้จ่ายขององค์กรได้อีกทางหนึ่ง
ในขณะที่ธุรกิจโทรคมนาคมนั้น มีสาขาน้อยกว่าสถาบันการเงินมาก (เอไอเอสมีช้อป 140 สาขา) และเป็นธุรกิจที่ลูกค้ายังต้องมาขอคำปรึกษาด้านการใช้งาน ปรับเปลี่ยนแพกเกจ รวมถึงสัมผัสประสบการณ์การใช้งานดีไวซ์ต่าง ๆ การเปิดสาขาเพิ่มจึงเป็นการตอบโจทย์ลูกค้าของธุรกิจมากกว่า
โดยหากพิจารณาจากจำนวนของดีไวซ์ที่เอไอเอสบรรจุไว้ใน Serenade Club นั้นจะพบว่ามีจำนวนมากขึ้นจากเดิมและมีพื้นที่ในการจัดแสดงเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งแบรนด์หลัก ๆ ที่มีการจัดแสดงได้แก่ iPhone, Samsung, Huawei, Oppo เป็นต้น