ด้วยพฤติกรรมของพนักงานออฟฟิศที่ต้องขับรถไปทำงานและเฉลี่ยการใช้รถในการเดินทางเพียง 4 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้ประกันเปิด-ปิดของไทยวิวัฒน์เป็น Blue Ocean ที่ใหญ่มาก เพราะคนที่จอดรถไว้เฉยๆ หรือบ้านมีรถให้เลือกขับหลายคัน การเสียค่าเบี้ยเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องขับขี่นั้น น่าจะช่วยประหยัดเงินได้ดีกว่ามาก อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดนวัตกรรมด้วยการนำอุปกรณ์ท่ีชื่อว่า NB-IOT Motor Tracker มาใช้ในเชิงธุรกิจประกันรถยนต์ครั้งแรกในโลก
ความร่วมมือครั้งแรกของโลก
นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริ
ก่อนหน้านี้ ที่เปิดรูปแบบประกันภัยรถยนต์ที่ชื่อว่า ประกันเปิด-ปิดได้ มีจำนวนของผู้ที่สนใจเยอะมากเป็นหลักแสนคน ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวออฟฟิศที่ขับรถเพียง 2-3 ชั่วโมงต่อวัน และจอดรถทิ้งไว้นานหลายชั่วโมง คนกลุ่มนี้มองว่าการจ่ายประกันเป็นก้อนใหญ่ก็เสียเปล่า จึงชอบรูปแบบประกันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลักษณะนี้และถูกกว่าค่าเบี้ยปกติถึง 40%
ทั้งนี้ รูปแบบการใช้งานของลูกค้า เฉลี่ยการใช้งานต่อวันเพียง 4 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งประกันรถเปิด–ปิด จะเป็นการซื้อแบบรายชั่วโมงเหมือน topup หากซื้อประกันชั้น 1 ความคุ้มครองเหมือนประกันรายปีทั่วไป คิดเป็นรายชั่วโมงราคาจะเริ่มต้นที่ 600 บาท หากซื้อแบบ 4 เดือนขึ้นไป จะได้อุปกรณ์ไปติดตั้งฟรี หรือจะซื้อผ่านช้อป AIS ก็ได้
การติดตั้งอุปกรณ์นี้จะช่วยในเรื่องของการเช็คข้อมูลด้านการขับรถของผู้ประกัน โดยทางบริษัทเคยมีเคสว่าผู้ประกันลืมปิดแอพ ทำให้เม็ดเงินในการจ่ายประกันแพงมาก การมีอุปกรณ์มาติดตั้งจะช่วยตรวจสอบข้อมูลและเก็บข้อมูลการขับขี่หากมีการต่อประกันในปีต่อไป โดยในอนาคตอาจจะมีการลดเบี้ยให้เหมาะสมกับการใช้งานด้วย
ขณะนี้ ทางบริษัทมองว่าการเติบโตจากการเพิ่มอุปกรณ์ NB-IOT นี้จะมาจากกลุ่มลูกค้าเก่าที่มีอยู่กว่าแสนราย และลูกค้าใหม่ที่สนใจด้านเทคโนโลยีหรือมองหานวัตกรรมที่ช่วยดูแลเรื่องการขับขี่รถยนต์บนท้องถนนด้วย
ต่อยอดเทคโนโลยี
นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอสในฐานะ Digital Life Service Provider เราให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการเกิดขึ้นของ Business Model ใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มเอ็นเตอร์ไพรส์ พร้อมยกระดับความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในทุกด้าน
โดยปัจจุบันนวัตกรรม IoT ถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนา Smart City ให้เกิดขึ้นจริง และเอไอเอสก็ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชนมากมาย นำIoT โซลูชัน ไปเสริมศักยภาพการดำเนินงานขององค์กรมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) มอบความไว้วางใจเลือกใช้โซลูชันNB-IoT Motor Tracker for UBI ในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ของไทยวิวัฒน์ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะสามารถส่งข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ผ่านเครือข่าย NB-IoT
เมื่อมีการสตาร์ทและดับเครื่องของรถที่ทำประกันรถเปิดปิดประกันนั้น ก็จะเปิดและปิดให้โดยอัตโนมัติ ทำให้บริษัทประกันภัยได้รับข้อมูลที่มีความแม่นยำ ถูกต้อง และให้การดูแลลูกค้าขององค์กรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเทคโนโลยี NB-IoT มาเสริมศักยภาพการบริการให้กับธุรกิจประกันภัย ซึ่งเป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย และลูกค้าให้ความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน
แม้ว่าความร่วมมือนี้จะเป็นครั้งแรกของโลก แต่ในอนาคตหากมีบริษัทประกันสนใจที่จะนำเทคโนโลยีในลักษณะนี้ไปใช้ สามารถพัฒนาปรับปรุงให้เหมาะสมกับรูปแบบประกันของแต่ละค่ายได้ เรียกว่ายังมีโอกาสในธุรกิจรถยนต์และประกันรถอีกมาก
ความน่าสนใจของ NB-IOT tracker
อุปกรณ์ที่ชื่อว่า NB-IOT Motor นี้ เรียกแบบภาษาง่ายๆ ว่า อุปกรณ์ติดตามยานพาหนะแจ้งพิกัด GPS ผ่านมือถือ (ยาวจริงๆ) คุณสมบัติที่น่าสนใจของอุปกรณ์ชิ้นนี้คือ แจ้งตำแหน่งรถปัจจุบันหรือเส้นทางย้อนหลัง แจ้งเตือนเมื่อรถถูกขยับ เตือนเมื่อรถเคลื่อนที่ออกนอกพื้นที่ที่กำหนด เตือนเมื่อความเร็วรถเกินกำหนด แค่อ่านคุณสมบัติก็ไม่อยาก เอ๊ย อยากใช้งานแล้วใช่ไหมคะ
เพราะการช่วยตรวจสอบทุกปัญหาแบบนี้ มีความน่าใช้งานคือป้องกันภัยหรือแจ้งเตือนเมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น แต่อย่าใช้ผิดประเภทอย่างเช่นการเช็คความประพฤติใครนะคะ ส่วนใครที่อยากซื้อตอนนี้มีโปรโมชั่นลดราคาจาก 2,980 บาท เหลือ 1,490 บาทแถมฟรีเน็ต iot 6 เดือนด้วยนะคะ
ที่มา : AIS