เป็นอีกหนึ่งการแสดงวิสัยทัศน์ที่จบลงได้อย่างงดงามสำหรับ AIS กับวิสัยทัศน์แห่งปี 2017 โดย AIS ประกาศพร้อมนำแพลตฟอร์มทั้งเครือข่าย Mobile, Fix Broadband, แอปพลิเคชัน, บุคลากร และพันธมิตรระดับโลก มาร่วมสนับสนุนการสร้างประเทศไทยสู่ Thailand 4.0 แล้ว
บรรยากาศภายในงานแน่นอนว่าเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจกับพันธมิตรมากมายที่ AIS สรรหามาฝากกัน รวมถึงรางวัลการันตีคุณภาพเครือข่าย และพันธมิตรด้าน Business Cloud ซึ่ง AIS ได้แสดงวิสัยทัศน์ในด้านการเป็น Digital Life Service Provider เอาไว้ในสามด้านใหญ่ ๆ ได้แก่
1. ด้านเครือข่าย มีการยกระดับเครือข่ายไปสู่ Next G Network (Gigabit Network) และรองรับการก้าวสู่ 5G เป็นรายแรกของไทย รวมถึงเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่พัฒนาเครือข่าย Narrowband-IoT (NB-IoT) เพื่อให้รับกับการมาถึงของยุค IoT ในอนาคตได้
2. ด้าน Digital Service มีการจับมือกับผู้ให้บริการคอนเทนต์ยักษ์ใหญ่ระดับโลก อย่าง Fox, HBO, NBA และ Chromecast ที่จะนำคอนเทนต์แบบจัดเต็มมาให้บริการกับผู้บริโภคชาวไทย รวมถึง Microsoft ในการนำ Business Cloud มาให้บริการ
3. AIS Digital For Thais ที่มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปเพิ่มความแข็งแกร่งให้ภาคการเกษตร สาธารณสุข ผู้ประกอบการ OTOP ภาคการศึกษา และ Digital Start Up ให้ได้เข้าถึงโอกาสต่าง ๆ และลดความเหลื่อมล้ำระหว่างชุมชนเมืองกับชนบท
คุณสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า “ปี 2559 ที่ผ่านมา นับเป็นปีแห่งการก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมไทย ที่ปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว การพลิกโฉมธุรกิจไปสู่ดิจิทัลจึงกลายเป็นประเด็นที่ทุกอุตสาหกรรมและรัฐบาลให้ความสำคัญ โดยในส่วนเอไอเอสเองก็ได้มีการ Transform เพื่อให้พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเครือข่าย,ดิจิทัลเซอร์วิส และบุคลากร
ทั้งนี้สังเกตได้จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยในส่วนของลูกค้า AIS นั้น มียอดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านมือถือสูงถึง 24 ล้านราย ในจำนวนนี้ 12 ล้านราย ใช้งานผ่านมือถือ 4G และใช้อินเตอร์เน็ตวันละ 6 ชั่วโมง โดยพบว่ามีการชมวีดีโอถึง 10 ล้านคลิปต่อวัน รวมถึงอัพโหลดภาพวันละ 1.8 ล้านภาพ
นอกจากนั้น AIS ยังโชว์ผลการทำงานหลังการประมูลคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz ที่ใช้เวลาเพียง 300 วันกับการทำให้เครือข่าย AIS 4G ครอบคลุมพื้นที่แล้วกว่า 98% ของพื้นที่ประชากร รวมถึงการนำนวัตกรรมเข้ามาเสริมขีดความสามารถเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเครือข่าย 4.5G ครั้งแรกในโลก ซึ่งได้มีการประกาศตั้งแต่ต้นปี 2559 จนได้รับการรับรองจาก OOKLA Speed test ว่า AIS เป็นเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เร็วที่สุดในประเทศไทย
นอกจากนั้น Qualcomm ผู้ผลิตชิพเซ็ตระดับโลกได้ทำการทดสอบและรับรองว่า เครือข่ายของ AIS มีความเสถียรและสนับสนุนการใช้งานของ Smart Phone รุ่นใหม่ๆที่ดีที่สุด พร้อมทั้งเป็นเครือข่าย 4G Roaming ที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ในเอเชีย (182 ผู้ให้บริการใน 150 ประเทศ)
ส่วน AIS Fibre ก็มีการขยายโครงข่ายผ่านไปยังชุมชนแล้วมากกว่า 5 ล้านครัวเรือน โดยมีปริมาณลูกค้าใช้งาน ณ สิ้นปี 59 อยู่ที่ 3 แสนราย และเพิ่มขีดความสามารถในการติดตั้งได้ใกล้เคียงกับผู้ให้บริการรายเดิม แม้จะเปิดให้บริการมาเพียง 2 ปีเท่านั้น
“ปี 2560 ในภาพรวมเราเชื่อว่าการใช้งานอินเตอร์เน็ตจะเติบโตถึง 300% โดยตลาดที่เติบโตมากที่สุดคือ Fix Broadband และกลุ่มการใช้งานของอุปกรณ์ IoT ที่เข้ามาในตลาดอย่างชัดเจน อาทิ Wearable, Machine2Machine ซึ่งถือว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนในการสร้างโอกาสใหม่ๆ ยกระดับการบริหารจัดการธุรกิจและการใช้ชีวิตของคนไทยไปอีกขั้น ทั้งนี้เราคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยจะทำให้อุตสาหกรรมหลักแต่ละด้านเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการขยายตัวเข้าถึงทุกพื้นที่ของ Digital Infrastructure 3 ส่วนหลัก คือ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง, สมาร์ทโฟนที่เติบโตมากกว่า 70 ล้านเครื่อง และ IoT มากกว่า 20 ล้านรูปแบบ”
สำหรับแผนงานในปี 2560 นั้น นายฮุย เวง ชอง กรรมการผู้อำนวยการ AIS กล่าวว่า “เครือข่ายของ AIS ทั้งหมด จะก้าวไปสู่ “เครือข่ายดิจิทัล ที่รองรับการใช้งานระดับกิกะบิท (Gigabit Network)” เป็นครั้งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในส่วนของเครือข่ายไร้สายนั้น ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด Multipath TCP ทำให้เพิ่มความเร็วได้ถึง 10 เท่าของเครือข่าย LTE และ เร็วขึ้นอีก 4 เท่าของเครือข่าย Tri Band LTE Advance สำหรับเครือข่าย AIS Wifi ก็จะก้าวสู่ Gigabit Super Wifi เช่นกัน (ด้วยมาตรฐาน 802.11 ac Wave 2) และแน่นอนว่า เครือข่าย AIS Fibre ก็จะพร้อมรองรับการใช้งานได้ถึง 10 กิกะบิทด้วยเช่นกัน”
“ซึ่งจากพื้นฐานดังกล่าว ย่อมนำมาซึ่งความพร้อมในการต่อยอดสู่เทคโนโลยี IoT ที่เป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ จุดประกายในการพัฒนาบริการสาธารณะต่างๆ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และพร้อมก้าวสู่ Smart City อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการเปิดตัวเครือข่าย Narrowband IoT สำหรับรองรับการใช้งานอุปกรณ์ IoT ต่างๆ ด้วย”
นายฮุย เวง ชอง กล่าวเพิ่มเติมว่า “เมื่อโครงข่ายมีขีดความสามารถรองรับการใช้งานระดับกิกะบิทแล้ว เราจึงพร้อมตอบสนองความต้องการผู้ใช้บริการในยุคปัจจุบันด้วยคลังวีดีโอ คอนเท็นต์ จากสุดยอดพาร์ทเนอร์ตัวจริง ทั้งในและต่างประเทศ ผ่าน AIS Play และกล่อง AIS Play Box โดยพร้อมเปิดตัวเป็นครั้งแรกเพื่อคนไทยกับ ช่อง FOX Networks, HBO, NBA รวมไปถึง Chromecast ที่จะทำให้โลกแห่งการชมวีดีโอคอนเท็นต์ไร้ขีดจำกัด”
“สำหรับภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศนั้น AIS ได้ร่วมมือกับ Microsoft ยกระดับ AIS Business CLOUD ด้วยมาตรฐานระดับโลก ซึ่งทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย”
การออกมาเผยถึงวิสัยทัศน์ของ AIS ในครั้งนี้ อาจเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนประเทศไทยตามนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งเมื่อคิดถึงอีกด้านหนึ่งว่า คู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันกับ AIS จะรับชมด้วยความรู้สึกอย่างไรนั้น เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ไม่ยากเลย