ใกล้จะถึงวันหยุดยาว สำหรับใครที่มีเพื่อนหรือญาติเป็นมุสลิมอาจสนใจการเปิดตัว “Al Meroz” โรงแรมฮาลาลครบวงจรแห่งแรกของไทยในย่านรามคำแหง ที่ประกาศตัวพร้อมรับนักท่องเที่ยวทั้งมุสลิม และต่างศาสนิก ภายใต้งบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท
โดยโรงแรมดังกล่าวเป็นของกลุ่มทีเอสแฟมมิลี่กรุ๊ป ที่ต้องการขยายตลาดสู่โลกมุสลิม เช่น จีน-มุสลิม บังกลาเทศ ปากีสถาน อิหร่าน แอฟริกา แคนาดา นอกเหนือจากนักท่องเที่ยวกลุ่มอาเซียน และตะวันออกกลาง โดยในปีนี้ตั้งเป้าอัตราเข้าพัก 82% จากเดิมในปี 2016 ทำได้ที่ 60% พร้อมคาดการณ์โรงแรมจะมีจุดคุ้มทุนภายใน 7 ปี
สำหรับที่ตั้งโรงแรมดังกล่าวตั้งอยู่บนถนนรามคำแหงซอย 5 มีเนื้อที่ 5 ไร่ อาคารสูง 16 ชั้น มีห้องพัก 242 ห้อง มีห้องประชุมและจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่จุได้ระหว่าง 500-1,200 คน ห้องอาหาร 3 ห้อง ห้องละหมาด ฟิตเนส และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ โดยมีพนักงานมุสลิมกว่า 60% ด้วย
ทั้งนี้โรงแรมฮาลาล 4 ดาวดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวมุสลิมที่มีกำลังซื้อสูง และเป็นกลุ่มประชากรที่มีการเติบโตต่อเนื่อง ทั่วโลกมีสูงถึง 1.7 พันล้านคน ซึ่งในปีที่ผ่านมีอัตราการเข้าพักจากนักท่องเที่ยวทั้งมุสลิมและต่างศาสนาเฉลี่ยแล้วสูงถึง 60% โดย 3 อันดับแรก ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และประเทศในตะวันออกกลาง
“หลังจากเปิดโรงแรมฯ อย่างเป็นทางการ เรามีโครงการรีโนเวตส่วนอพาร์ตเมนต์เป็นบัดเจ็ตโฮเต็ลแบบรายวันจำนวน 135 ห้องพัก โครงการชอปปิ้งอาเขต รวมถึงลานจอดรถขนาดใหญ่ด้วย” นายรอศักดิ์ มูลทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร โรงแรม Al Meroz กล่าว
สำหรับแนวทางการตลาดในปีนี้ โรงแรม Al Meroz จะไปโรดโชว์ที่มาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย ซาอุดีอาระเบีย ดูไบ โดยเน้นที่ลูกค้ามุสลิมที่มีกำลังจับจ่ายสูง หรือมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 12,000-15,000 บาทต่อวันเป็นหลัก
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันตลาดท่องเที่ยวมุสลิมนั้นปัจจุบันได้รับความสนใจจากประเทศต่าง ๆ มากขึ้น ทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และนิวซีแลนด์ โดยประเทศเหล่านี้มีการใช้ช่องทางการตลาดรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเช่นกัน