ในงานแถลงข่าวของ Disney + (Disney Plus) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ปลายเดือนสิงหาคม นักสังเกตการณ์จำนวนไม่น้อยตื่นเต้นกับคำพูดของ Alan Horn คือซีซีโอ Walt Disney Studios คนปัจจุบันที่ให้ความเห็นตรงไปตรงมาไม่ธรรมดา หนึ่งในนั้นคือประโยคที่ว่า Let’s stop feeding Netflix ซึ่ง Horn รับมาจากซีอีโอใหญ่เพื่อปลุกใจให้บุคลากรฮอลลีวูดร่วมมือกันหยุดท่อน้ำเลี้ยงที่ทำให้ Netflix เติบโตก้าวกระโดดเสียที
งานใหญ่ครั้งล่าสุดของ Disney Plus มีกองทัพเซเลบฯผู้มีชื่อเสียงจำนวนไม่น้อยร่วมปรากฏตัวบนเวที งานนี้ถูกมองว่าเป็นเครื่องยืนยันถึงจุดยืน Disney Plus ที่ไม่ได้ถูกสร้างมาปั่นป่วนอุตสาหกรรม แต่จะมุ่งสร้างตลาดใหม่เพื่อต่อยอดธุรกิจของ Disney ให้ยั่งยืนต่อไป
Alan Horn หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ (chief creative officer) ซึ่งมีดีกรีเป็นประธานบริษัทร่วมของ Walt Disney Studios ย้ำว่า Disney Plus พร้อมแล้วที่จะบุกตลาดครอบครัวเพื่อชิงผู้ชมจาก Netflix ให้ได้ โดยกล่าวกลางงานที่บริษัทจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุม D23 Disney ว่าจะจัดเต็มเนื้อหาทุกขนาด ตามความต้องการที่หลากหลาย
หนังทุนต่ำได้แจ้งเกิด
Alan Horn กล่าวว่าการเปิดตัว Disney + นั้นมีจุดประสงค์ร่วม 2 ประเด็น ทั้งการเปิดทางให้สตูดิโอสามารถเดินหน้าโครงการสร้างภาพยนตร์ที่มีทุนต่ำลงได้มากขึ้น และเพื่อคานอำนาจกับ Netflix ที่ครองตลาดสตรีมมิงในหลายประเทศ
ซีซีโอคนเก่งอย่าง Alan Horn เล่าว่าในช่วงหลายปีที่ทำงานที่ Disney กลยุทธ์ของบริษัทก็พัฒนาขึ้นจากการเน้นทำรายได้ในโรงภาพยนตร์ มาถึงการฉายภาพยนตร์ตามงานอีเวนท์ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ Disney พัฒนาทั้งภาพยนตร์ขนาดใหญ่ทุนสูงกว่าสตูดิโออื่น ขณะเดียวกันก็พัฒนาภาพยนตร์ขนาดเล็กคู่ไปด้วย ซึ่งเขามองว่าวันนี้โลกเข้าสู่ยุคที่ภาพยนตร์ฟอร์มเล็กมีความท้าทายในตลาดยุคดิจิทัลมากกว่าที่เคยเป็นมา
Alan Horn ไม่เพียงยกตัวอย่างภาพยนตร์ฟอร์มเล็กเรื่อง Saving Mr Banks, Million Dollar Arm และอีกเรื่องคือ Queen of Katw แต่ยังเล่าถึง Bob Iger ซีอีโอ Disney ที่เอ่ยกับเขาด้วยคำว่า “Let’s start Disney+, let’s stop feeding Netflix” โดยยอมรับว่า Netflix เป็นสิ่งที่ทำให้ธุรกิจของ Disney ถูก disrupt ซึ่งหาก Disney เริ่มเปิดบริการของตัวเอง ก็จะเท่ากับ Disney สามารถหยุด Netflix ไม่ให้เติบโตได้จากภาพยนตร์ของ Disney
แต่สำหรับ Alan Horn เขามองว่าส่วนดีที่ Disney จะได้รับ คือแพลตฟอร์มสตรีมมิงจะทำให้ภาพยนตร์ฟอร์มเล็กมีโอกาสแจ้งเกิดได้มากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสที่ Disney ไม่เคยสัมผัสเลยในช่วง 2 ปีที่แล้ว
โอกาสใหม่น่าตื่นเต้น
Alan Horn ย้ำว่าทุกคนที่บริษัทตื่นเต้นกับ Disney+ อย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อ Disney+ จะเป็นแหล่งรวมคอนเทนต์เหมาะกับครอบครัวทุกเรื่องที่บริษัทมี ซึ่งจะมีเนื้อหาจาก Marvel, Pixar, Lucasfilm และ National Geographic ร่วมด้วย
จุดยืนของ Disney+ ครั้งล่าสุดที่ถูกประกาศออกมากลายเป็นกระแสร้อนที่ถูกแชร์ต่อบน Twitter และ Google ในช่วงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมีการประกาศข้อมูล โดยเฉพาะกำหนดการจุดพลุบริการ Disney+ ในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 และจะให้บริการแก่ผู้ชมในประเทศอื่นหลังจากนั้น เช่นชาวออสเตรเลียที่จะได้ชมในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562
สิ่งที่เราสรุปได้จากความเคลื่อนไหวล่าสุดของ Disney+ และ Alan Horn คือคนทั่วโลกให้ความสนใจ Disney+ อย่างจริงจัง โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Disney กลายเป็นสตูดิโอแรกที่มีภาพยนตร์ 5 เรื่องใน 1 ปีที่ทำรายได้มากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐบนบ็อกซ์ออฟฟิศ สถิตินี้การันตีว่าเนื้อหาของ Disney ครองใจคนทั่วโลก และสิ่งนี้จะทำให้ Disney+ มีอนาคตไกลแน่นอน
ที่มา: : Yahoo