หลังการเข้าซื้อกิจการ LAZADA ของเจ้าพ่อตลาดอีคอมเมิร์ซอย่าง Alibaba ก็เพิ่งเข้าสู่ความชัดเจนด้านการเปลี่ยนแปลง หลังทีมลูกหม้อเดิมของ LAZADA ในไทยเปลี่ยนมือจาก อเล็กแซนดรอ บิสชินี มาเป็น เจมส์ ตง อดีต Head of Globalization Corporate Strategy & Development Alibaba Group
การเข้ามานั่งตำแหน่งใหม่ในไทยนั้น เพิ่งเกิดขึ้นเพียง 2 สัปดาห์ โดย เจมส์ ยังคงเริ่มต้นดูแลตลาดในไทยเพียงประเทศเดียวก่อน ส่วนทีมบริหารและการตลาดก็ยังไม่พร้อมจะเปลี่ยนใหม่ เพราะมั่นใจความสามารถของทีมเดิมว่ายังสามารถร่วมมือกันเดินหน้าธุรกิจให้แข็งแรงต่อได้ ซึ่งตอนนี้ก็มีกว่า 1,000 คนแล้ว ส่วนร้านค้าในระบบก็ไม่น้อยกว่าหมื่นราย
มั่นใจยังเป็นเบอร์หนึ่ง
ข้อมูลจาก Aseanup ได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของไทยในปี 2018 พบว่า LAZADA ยังคงเป็นเบอร์หนึ่งเมื่อดูจาก Monthly Traffic Estimate (Mar 2018) ที่มีการเข้าใช้งานมากถึง 63,300,000 ครั้ง ตามมาด้วย Shopee ที่มีการเข้าใช้งานต่อเดือน 17,000,000 ครั้ง และ 11 Street จำนวน 5,500,000 ครั้ง
ส่วนของรายได้จากการเช็คข้อมูลล่าสุดของเดือนกรกฏาคม 2018 พบว่า LAZADA ยังคงเป็นอันดับ 1 ในเรื่องของยอดขายอยู่ที่ 33.34 ล้านบาท ตามมาด้วย Shopee อยู่ที่ 19.03 ล้านบาท และ JD.th อยู่ที่ 1.01 ล้านบาท
ทั้งนี้ เจมส์ ยังมั่นใจว่า อีคอมเมิร์ซของไทยยังมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง โดยการเข้ามานั่งในตำแหน่ง CEO นี้ จะเน้นสร้างระบบนิเวศ ปรับโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อดึงดูดให้นักช้อปออนไลน์หันมาใช้งานแพลตฟอร์มที่เหมาะสมมากขึ้นกว่าการใช้งานโซเชียลแพลตฟอร์มที่ไม่ได้มีความน่าเชื่อถือมากนัก
“ด้วยพฤติกรรมการช้อปขณะเดินทางของคนไทยนั้น หากเราสามารถเข้าถึงพวกเขาได้ดีกว่าการซื้อสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียได้ ก็น่าจะเพิ่มการเติบโตที่ดี”
เมื่อถามเรื่องตัวเลขเกี่ยวกับจำนวนร้านค้าในระบบ คลังสินค้าที่มีในไทยและสินค้าที่ได้รับความนิยมในไทยของ Lazada นั้น เจมส์ยอมรับว่า ไม่ได้เตรียมตัวข้อมูลเหล่านี้มา แต่สิ่งที่เขาเตรียมผลักดันชัดเจนคือโปรโมชั่น 9.9 ที่เตรียมจะเปิดให้บริการในเร็ววันนี้
ทางด้าน จุดเด่นของ Lazmall จะมี 3 เรื่องหลัก คือ
- สินค้า 100% การันตีว่าของแท้
- ส่งฟรีในวันเดียว
- คืนสินค้าใน 15 วัน
และยังมีความพิเศษมากมายภายในแอพ ไม่ว่าจะเป็น มีส่วนลดสูงสุด 90%, ถ้าจ่ายผ่าน wallet จะได้ส่วนลดเพิ่ม สามารถใช้ vouchers เพื่อรับส่วนลดเพิ่มอีกด้วย ซึ่งความพิเศษที่มีมากมายนั้นจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ที่ไม่เคยช้อปออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มหรือใช้งานแต่โซเชียลคอมเมิร์ซหันมาใช้งานระบบมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เจมส์ บอกว่าความลับที่ทำให้ Lazada ประสบความสำเร็จได้คือไม่โฟกัสที่คู่แข่ง แต่ดูความต้องการของลูกค้ามากกว่า เพราะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาทุกวัน หากไปสนใจแต่คนอื่น ธุรกิจก็จะไม่เดินหน้าและมั่นใจว่าต่อจากนี้บริษัทจะมีโอกาสและรายได้ในทิศทางที่ดีขึ้นแน่นอน แม้ Lazada จะเข้ามาในไทยได้ 6 ปีแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีการลงทุนใหม่ๆ ต่อเนื่อง เชื่อว่าจะช่วยสร้างรากฐานในวงการอีคอมเมิร์ซได้อย่างแข็งแรงขึ้นและในอีกไม่นานจะมีรายได้ที่ดีแน่นอน