สิ่งก่อสร้างดังที่ปรากฏอาจดูแปลกประหลาดอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าเราบอกว่านี่คือหนึ่งในประสบการณ์การซื้อรถที่ Alibaba เตรียมไว้สำหรับผู้ที่สนใจซื้อรถยนต์ยี่ห้อต่าง ๆ บนแผ่นดินจีนให้มาหาซื้อได้แล้วก็คงน่าสนใจดีทีเดียว
ประสบการณ์ในการซื้อรถที่ Alibaba เตรียมไว้ให้นั้นจะเริ่มจากการเข้าไปที่แอปพลิเคชัน Taobao เพื่อเลือกรถยนต์ที่ต้องการจะทดลองขับ จากนั้นก็เลือกสีและกรอกข้อมูลตามที่ระบบต้องการ และถ่ายภาพเซลฟี่เอาไว้ จากนั้นระบบก็จะระบุวันที่สามารถนำรถไปทดลองขับได้ออกมา
เมื่อวันนั้นมาถึง ลูกค้าก็ต้องเดินทางไปยังอาคารดังกล่าว และสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันว่าใช่คนเดียวกับที่เซลฟี่ไปวันก่อน เมื่อการยืนยันตัวตนสำเร็จ ระบบก็จะส่งรถคันที่ลูกค้าระบุความต้องการไว้ออกมา และสามารถนำไปทดลองขับได้ โดยมีระยะเวลาให้นานถึง 3 วัน ถ้าทดลองขับแล้วพอใจก็สามารถกดซื้อได้จากแอปพลิเคชัน Taobao เลย หรือถ้าไม่พอใจจะขอทดลองขับรุ่นอื่นแทนก็ยังได้
Alibaba กล่าวว่า บริษัทวางแผนจะเปิดตัวสโตร์ในลักษณะนี้ถึง 2 แห่งในเดือนมกราคมนี้ โดยแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ อีกแห่งหนึ่งอยู่ในนานกิง แต่เป้าหมายของทั้งปี 2018 คือเปิดให้ได้มากกว่า 12 แห่งทั่วประเทศจีน ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ต้องการให้การซื้อรถนั้นง่ายดายไม่ต่างกับการซื้อน้ำอัดลมบรรจุกระป๋องนั่นเอง
อย่างไรก็ดี โมเดลธุรกิจที่เปิดโอกาสให้ลูกค้านำรถไปทดลองขับได้ถึง 3 วันก่อนตัดสินใจซื้อเป็นสิ่งที่หลายคนกังวลว่าจะมีลูกค้าหัวใส ขอเทสต์รถกันทั้งเดือนโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อรถจริง ในจุดนี้ Alibaba บอกว่า บริษัทได้กำหนดเอาไว้ว่า ลูกค้าหนึ่งรายนั้นจะขอทดลองขับรถยนต์ได้แค่ 5 คันเท่านั้น ในระยะเวลา 2 เดือน
อีกทั้งคนที่จะขอทดลองขับนั้นไม่ใช่ว่าเป็นใครก็ได้ด้วย เพราะต้องเป็นคนที่มีเครดิตทางการเงินดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว (Alibaba ใช้เครดิตสกอร์ของ Zhima Xinyong ของ Ant Financial บริษัทในเครือ) ส่วนใครที่เครดิตไม่ถึงก็เป็นอันตกไป ไม่สามารถขอยืมรถไปขับได้นั่นเอง แต่ถ้าเป็นสมาชิกระดับ Super Members ของ Alibaba ก็สามารถทดลองขับได้ฟรีไปเลย
สุดท้ายคงต้องบอกว่า แนวคิดเรื่องการขายรถยนต์ในลักษณะที่ไม่ต่างจากตู้ขายสินค้าอัตโนมัติในญี่ปุ่นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ที่น่าสนใจเพราะคนที่หยิบมันมาเล่นคือ Alibaba และขายมันในสเกลของ Alibaba กับการตั้งเป้าว่าจะสร้างสโตร์แบบนี้ถึง 12 สาขาทั่วประเทศจีน ซึ่งในยุคที่สังคมจีนมีการสั่งซื้อได้กระทั่งเครื่องบินผ่านระบบออนไลน์ ก็ต้องถือว่ามันน่าจะมาถูกทางแล้ว
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ TechCrunch