ประชากรจีนที่มีหลายร้อยล้านคน และเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ทำให้ประเทศต่างๆ ต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับการพฤติกรรมการใช้จ่ายที่สร้างเม็ดเงินมูลค่ามหาศาล
นีลเส็น (Nielsen) และอาลีเพย์ (Alipay) ร่วมกันเปิดเผยรายงานการสำรวจ “แนวโน้มการท่องเที่ยวและการบริโภคของนักท่องเที่ยวจีนในต่างประเทศ” ประจำปี 2560 (Outbound Chinese Tourism and Consumption Trends: 2017 Survey) ให้ภาคธุรกิจได้รับทราบกัน
รายงานดังกล่าวให้ข้อมูลวิเคราะห์และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคและการชำระเงินในปัจจุบันของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศ พร้อมทั้งประเมินแนวโน้มในอนาคต และการใช้แพลตฟอร์มการชำระเงินผ่านมือถือ
โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ตอบแบบสอบถามได้เดินทางไปต่างประเทศ หรือประเทศในภูมิภาคประมาณ 2 ประเทศในปี 2559-2560 และคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มเป็น 2.8 ประเทศในปี 2561 ซึ่งประเทศไทยถือว่าติด 3 อันดับสูงสุดของจุดหมายปลายทางยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจีน
สถิติจากหน่วยงานการท่องเที่ยวของจีนชี้ว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางไปต่างประเทศ 131 ล้านครั้งในปี 2560 เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2559 และยอดใช้จ่ายระหว่างการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากสมาคมผู้จัดทัวร์ระหว่างประเทศ (International Association of Tour Managers) ชี้ว่า ยอดใช้จ่ายระหว่างการเดินทางไปต่างประเทศของนักท่องเที่ยวจีนแตะระดับ 261.1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2559 เพิ่มขึ้น 4.5% จากปีก่อนหน้า และครองอันดับหนึ่งทั่วโลก
และปัจจัยสำคัญที่ธุรกิจและนักการตลาดไม่ควรพลาดคือ
- การขอวีซ่าที่ง่าย หรือไม่ต้องขอเลย ถือเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้ชาวจีนอยากไปท่องเที่ยว โดย ญี่ปุ่น ไทย และเกาหลีใต้ ครอง 3 อันดับสูงสุดที่นักท่องเที่ยวชาวจีนอยากมาเที่ยว ตามมาติดๆ ด้วยสิงคโปร์ มาเลเซีย และมัลดีฟส์
- การชำระเงินผ่านมือถือสำหรับค่าสินค้าและบริการ อาหารและสถานที่ท่องเที่ยว ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศ โดย 65% ของนักท่องเที่ยวจีนใช้แพลตฟอร์มการชำระเงินผ่านมือถือขณะเดินทางไปต่างประเทศมากกว่า 6 เท่า เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวชาติอื่นซึ่งใช้เพียง 11%
- นักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 90% จะเลือกใช้การชำระเงินผ่านมือถือเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ หากผู้ประกอบการเปิดรับชำระเงินด้วยวิธีการดังกล่าว กว่า 90% มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าหรือบริการเพิ่มมากขึ้น
- อุปสรรคสำคัญคือ “จำนวนผู้ประกอบการที่รับชำระเงินด้วยวิธีดังกล่าวในต่างประเทศมีอยู่อย่างจำกัด” ทั้งที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้จ่ายผ่านมือถือมาก เรียกได้ว่า Demand และ Supply ยังไม่สมดุลกัน
- ยอดใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ 24,500 บาท/คน สำหรับการซื้อสินค้าในการเดินทางครั้งล่าสุด ส่วนนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 15,500 บาท/คน
- แน่นอนว่า 99% ของนักท่องเที่ยวชาวจีนใช้ Alipay ในการค้นหาข้อมูลและชำระค่าบริการต่างๆ ซึ่งภาคธุรกิจควรเตรียมความพร้อมด้านนี้ และ 94% ของนักท่องเที่ยวจะซื้อสินค้าและบริการของผู้ประกอบการที่มี Alipay ให้ใช้งานเป็นตัวเลือกแรกๆ ก่อนเลือกที่จะจ่ายด้วยเงินสด
ดังนั้น ผู้ประกอบการชาวไทยจึงควรเตรียมปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลและเครื่องมือในการใช้จ่ายออนไลน์ให้พร้อม แม้ว่าในสายตานักท่องเที่ยว ประเทศไทยจะมีค่าครองชีพที่ค่อนข้างต่ำ แต่ถ้าสามารถใช้จ่ายผ่านมือถือได้ก็จะสะดวกมากกว่า
- แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ และวัดพระแก้ว แน่นอนว่าศิลปะและวัฒนธรรมของไทยยังคงดึงดูดความสนใจให้นักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี แต่การเข้าชมแบบมีค่าตั๋วและต้องต่อคิว ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกไม่สะดวกสบาย
- 80% ที่นักท่องเที่ยวนิยม คือ อาหารข้างทาง (Street Food) ขณะที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากชื่นชอบสปาหรือการนวดแผนโบราณ
- แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังไทยก็คือ ร้านค้าปลอดภาษี และร้านสะดวกซื้อ
- สินค้าที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมซื้อได้แก่ ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและผลิตภัณฑ์เสริมความงาม และอาหาร
- ยอดใช้จ่าย (On-location spending) ที่นักท่องเที่ยวจีนใช้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 65,000 บาท/คน