มีข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น นั่นคือการที่ Amazon มีการจดโดเมน 3 ตัวในชื่อ amazonethereum.com, amazoncryptocurrency.com, amazoncryptocurrencies.com ซึ่งใครที่ได้เห็นอาจเดาได้ว่า Amazon เริ่มมองเห็นความสำคัญของ Cryptocurrency แล้วอย่างจริงจัง?
แนวคิดของความเคลื่อนไหวนี้แยกออกเป็นสองทาง ทางที่หนึ่งมองว่า Amazon ทำเพื่อความปลอดภัยของแบรนด์ ยิ่งในยุคที่เงินดิจิทัลเฟื่องฟูและถีบตัวขึ้นไม่หยุดนี้ การป้องกันด้วยการจดโดเมนเอาไว้ก่อนก็ถือเป็นเรื่องที่ธุรกิจควรทำ (ข้อมูลล่าสุดตอนนี้ ราคาบิทคอยน์พุ่งทะลุ 7,350 เหรียญสหรัฐไปแล้วเรียบร้อย)
โดยย้อนหลังไปเมื่อสามปีก่อน Amazon เคยมีการจดโดเมนชื่อ Amazonbitcoin.com เอาไว้เช่นกัน แต่ถ้าตอนนี้ใครพิมพ์ URL ดังกล่าวก็จะถูกพาเข้าไปที่หน้า Amazon.com ตามปกติ
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หลายคนมองไปในทิศทางนี้คือ เมื่อเดือนก่อน ผู้บริหารระดับสูงของ Amazon อย่าง Patrick Gauthier ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า Amazon ไม่มีแผนจะรับเงินดิจิทัลแต่อย่างใด
ขณะที่อีกฟากหนึ่งไม่ได้มองเช่นนั้น โดยต้องย้อนไปในเดือนที่ผ่านมาเช่นกัน ที่อยู่ดี ๆ ก็มีกระแสข่าวลือว่า Amazon จะรับเงินดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ ซึ่งในตอนนั้น แม้จะไม่สามารถระบุที่มาของข่าวลือได้ แต่ก็ทำให้ราคาของบิทคอยน์พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ Patrick Gauthier ต้องออกมาให้สัมภาษณ์ตัดไฟแต่ต้นลม
นักวิเคราะห์ที่มองในมุมนี้ชี้ว่า ควรมีการเตรียมรับมือไว้เช่นกัน ในกรณีที่ Amazon ตัดสินใจในทิศทางตรงกันข้าม อย่างการยอมรับเงินดิจิทัลเข้ามาในระบบ เพราะนั่นหมายถึงว่าจะทำให้เกิดการนำบิทคอยน์มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากขึ้น และยังทำให้มุมมองต่อบิทคอยน์เปลี่ยนไป ไม่ได้มุ่งเน้นถือเพื่อลงทุนแต่เพียงอย่างเดียวเหมือนทุกวันนี้ด้วย
นักวิเคราะห์บางรายมองไกลไปด้วยว่า Amazon เองก็มี coin ของตัวเองในชื่อ Amazon Coin (แต่ทุกวันนี้ Amazon Coin อยู่ในลักษณะของเงินรางวัลไว้ซื้อแอปพลิเคชัน หรือซื้อเกม หรือการแจกเป็นบัตรของขวัญเป็นหลัก) ซึ่งในส่วนนี้ถ้าไม่กังวลว่าจะถูกมองว่า Amazon กำลังจะกลายเป็นสถาบันการเงินเสียเอง มันก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกันที่จะนำชื่อนี้มาใช้ เพียงแต่มีข้อจำกัดนิดหน่อย ดังที่ก่อนหน้านี้เราเคยได้ยินเรื่องของ WhopperCoin ที่ Burger King เคยเปิดตัวมาแล้วในรัสเซีย ซึ่งกรณีของ WhopperCoin นั้น แน่นอนว่าถ้าบังเอิญอยากกิน McDonald’s ขึ้นมา คงไม่สามารถใช้ WhopperCoin ซื้อได้
Amazon ก็เช่นกัน ในฐานะที่ Amazon เป็นร้านค้าออนไลน์ที่มีขนาดใหญ่มาก และแบรนด์บางแบรนด์ที่มีสินค้าวางขายอยู่ก็เป็นแบรนด์คู่แข่งในตลาดเทคโนโลยี เช่น Apple มันคงแปลก ๆ ถ้า Apple จะรับเงินค่า iPhone ด้วย Amazon Coin นั่นเอง
แต่ถ้าการยอมรับเงินดิจิทัลเกิดขึ้นจริงบน Amazon คาดว่าวงการค้าปลีกจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งได้เลยทีเดียว
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
SputnikNews
NicheHung
CNBC