แม้จะยังเป็นข่าวลือว่า Amazon จะลุยเปิดร้านไร้แคชเชียร์เพิ่มเป็น 3,000 สาขาภายในปี 2021 แต่นักลงทุนหวั่นใจว่าการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่สู่ธุรกิจค้าปลีก จะเป็นอุปสรรคต่อร้านสะดวกซื้อและเครือข่ายอาหารจานด่วนดั้งเดิมในสหรัฐอเมริกา ไล่ตั้งแต่บริษัทอย่าง 7-Eleven ไปจนถึงเชนร้านแซนวิชอย่าง Subway ไม่เว้นแม้แต่เชนพิซซ่าและรถทาโก้ ที่ถูกมองว่าจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย
สำนักข่าว Bloomberg รายงานความคืบหน้านี้โดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวไม่ระบุนาม ว่า Amazon กำลังเตรียมเปิดร้านค้าไร้แคชเชียร์เพิ่มเป็น 3,000 แห่งภายในปี 2021 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้ โฆษก Amazon ไม่ยืนยันรายงานนี้ เนื่องจากบริษัทไม่มีนโยบายให้ความเห็นเกี่ยวกับข่าวลือ
แต่ทันทีที่รายงานข่าวนี้แพร่สะพัดไป แบรนด์ค้าปลีกรายใหญ่ในสหรัฐฯต้องประสบภาวะหุ้นร่วงกราว โดย CVS, Walgreens, Walmart, Target และ Kroger ไม่อาจหนีชะตากรรมได้
ปัจจุบันร้านไร้แคชเชียร์ของ Amazon มีให้บริการ 3 แห่งในซีแอตเติลซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ Amazon และที่ชิคาโกซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้มีรายงานว่าค่าใช้จ่ายเรื่องฮาร์ดแวร์ในแต่ละร้านนั้นสูงมากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่า Amazon จะต้องพยายามขยายจำนวนร้านค้าต้นแบบ เพื่อเฉลี่ยต้นทุนเรื่องวิจัยและพัฒนาในแต่ละสาขา
สำหรับ Amazon Go จุดเด่นของร้านคือการไม่มีคิวรอคอยนาน เพราะไม่มีการเข้าแถวรอจ่ายเงินเพื่อออกจากร้าน และไม่มีการลงทะเบียนใด โดยลูกค้าเพียงแค่สแกนแอปพลิเคชันของ Amazon Go เมื่อเดินเข้าไปในร้านค้าขนาดย่อม 2,000 ตารางฟุต เมื่อเลือกสิ่งที่ต้องการได้แล้ว ก็สามารถเดินออกไปได้เลย
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า Amazon มีแผนเพิ่มไลน์อาหารจานด่วนลงในร้าน Amazon Go ที่กำลังจะเปิดใหม่ ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าตลาดจำหน่ายอาหารจานด่วนในสหรัฐฯกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในตลาดที่สถานีรถใต้ดินมีความสำคัญ เช่น ซานฟรานซิสโก และนิวยอร์ก คาดว่าชาวเมืองทั้ง 2 แห่งจะได้เห็นความเคลื่อนไหวของ Amazon แน่นอนภายในปีหน้า
ที่มา: : Bloomberg